การเริ่มฤดูกาล 2022-23 ของลิเวอร์พูล ถือว่าไม่ได้ดีอย่างที่หลายคนคาด หลังพวกเขาเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกคอมมูนิตี้ชิลด์ และทุกอย่างดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหา
แต่พอเวลาผ่านไปปัญหามันเริ่มใหญ่และเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆว่า ลิเวอร์พูลที่พึ่งลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลก่อน เล่นอย่างดุดันตลอด 60 กว่าเกม เริ่มมีการเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ซึ่งหลาย ๆ สิ่งชี้ว่ามันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับพวกเขา
การขาดหายไปของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า นักเตะที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ยอมทำลายปรัชญาไม่ซื้อสตาร์ดาวดัง ที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกที่พบกับฟูแล่ม ส่งผลกระทบมาก ๆ กับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้
โดยเฉพาะเมื่อมองไปในนักเตะกองกลางที่เป็นตัวจริงของลิเวอร์พูล ก็มีเพียงติอาโก้ที่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่เคยเป็นมา เพราะทั้งฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เป็นตัวหลักของทีมร่วมกับเขา ก็อยู่ในช่วงฟอร์มตก ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาระในแดนกลางตกมาอยู่ที่ติอาโก้เพียงคนเดียว
โชคร้ายที่ก่อนหน้านี้ ติอาโก้ไม่มีโอกาสได้ช่วยทีมเพราอาการบาดเจ็บ และแดนกลางของลิเวอร์พูลก็มีปัญหาทันที โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ในแดนกลางที่น้อยลงไปเยอะมาก เนื่องจากกองหลางลิเวอร์พูลที่ลงช่วยทีมมีแต่แข้งอาวุโส ทั้งฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน และเจมส์ มิลเนอร์ ซ่งไปบทกับกลางทีมอื่น ๆ ไม่ได้เลย
อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่ าพอติอาโก้กลับมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นแบบทันตาเห็น เพราะคนอื่นก็พากันฟอร์มตกไปซะหมด แต่จากวิธีการเล่นเราเห็นแล้วว่า หากเขากลับมามันช่วยลิเวอร์พูลได้เยอะแน่ ๆ
เนื่องจากหงส์แดงในฤดูกาลนี้ เราเห็นความตั้งใจในการพยายามครอบครองบอลให้มากขึ้น เก็บบอลให้มากขึ้น เพราะสร้างเกมรุกใส่ทีมคู่แข่ง ติอาโก้จึงสำคัญมากๆ เพราะเขาสามารถเคลื่อนที่ไปมาในแดนกลาง คอยรับส่งบอลกับเพื่อนได้อย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาการครองบอล และเกมบุกของทีมให้ไหลลื่น รวมถึงการจ่ายบอลไปในพื้นที่สุดท้ายที่เขาโดดเด่นที่สุดในลิเวอร์พูลชุดปัจจุบัน
ในฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลมีเปอร์เซนต์การจ่ายบอลที่แม่นยำมากขึ้น สลับกับเรื่องของการบดบี้ที่ลดลงอย่างชัดเจน ตามตัวเลขการบีบกดดันในพื้นที่สุดท้ายจากเฉลี่ย 44.8 ครั้งต่อ 90 นาที ในฤดูกาลก่อน กลับกันในฤดูกาลนี้ลดฮวบเหลือ 32.8 ครั้งเท่านั้น
ชัดเจนว่าการบีบเพรสซิ่งของพวกเขาไม่ได้ดุดันเท่าเดิม และหันมาให้ความสำคัญกับการจ่ายบอลมากขึ้น ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนแนวทางการเล่น ลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากห้ามขาดติอาโก้ เพราะเป็นกองกลางคนเดียวที่มีความสามารถเหมาะกับการเล่นสไตล์นี้ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วกับการผ่านการเล่นให้บาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค ยิ่งช่วงนี้กองกลางคนอื่น ๆ ผลงานแย่ลง กองกลางชาวสเปนรายนี้ยิ่งกลายเป็นนักเตะที่จะขาดไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
แม้แต่การดึงตัวนักเตะเข้าร่วมทีม เขายังไปยืมเอาอาร์ตูจากยูเวนตุส ที่มีสไตล์การจ่ายบอลใกล้เคียงกับติอาโก้ เผื่อเอาไว้ลงเล่นในวันที่ติอาโก้ต้องพักแข้งบ้าง หรือต้องบาดเจ็บไป นั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของติอาโก้กับแทคติกลิเวอร์พูลในปัจจุบันได้เป็อย่างดี
โดยในการกลับมาของติอาโก้ ถือว่าเห็นผลในทันที เพราะในเกมที่ลิเวอร์พูลบุกแพ้นาโปลียับ 4-1 เขามีเวลาลงเล่นเพียง 27 นาทีเท่านั้นแต่กลายเป็นคนที่แย่งบอลมากที่สุดในกองกลางลิเวอร์พูลซะอีก แถมยังเป็นคนที่คอยสร้างสรรค์เกมจนเกิดประโยชน์ ซึ่งแม้ว่าจะออกมาพร้อมกับความพ่ายแพ้ก็มีแววที่จะช่วยให้หงส์แดงกลับมาได้
ก่อนที่จะได้กลับมาเป็นตัวจริงในเกมกับอาหยักซ์ ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเล่นได้ในระดับที่เป็นแมนออฟเดอะแมตช์เลยทีเดียว
เราได้เห็นคำตอบชัดเจนแล้วว่าความสำคัญของติอาโก้นั้นมีมากแค่ไหนกับลิเวอร์พูลที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่แกว่งไปแกว่งมาแบบนี้ในฤดูกาลนี้
แฟนหงส์แดงก็คงต้องหวังอย่างมากว่า กองกลางชาวสเปนคนนี้จะสามารถลงเล่นช่วยทำผลงานดีไปยาว ๆ ไม่เจ็บบ่อยแบบที่เคยเป็นมา เพราะเขาสำคัญต่อลิเวอร์พูลมากในตอนนี้
