นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยกระดับทีมครั้งใหญ่ หลังจากพวกเขาได้ตัว ซานโดร โตนาลี กองกลางทีมชาติอิตาลี ของเอซี มิลาน มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ
ซึ่ง โตนาลี คือเพชรประจำวงการฟุตบอลอิตาลี หลังจากโดดเด่นกับเบรสชา และมาฉายแสงแบบเต็มตัวที่มิลาน จนถูกขนานนามว่านี่คือ อันเดรีย ปีร์โล่ คนต่อไป อย่างไรก็ตาม โตนาลีไม่ได้อยากเดินรอยตามแข้งดังในอดีต แต่เขาเลือกที่จะขีดเขียนประวัติศาสตร์ด้วยฝีเท้าของเขาเอง
The Sporting News Thailand จึงอยากพาทุกท่านไปรู้จักกับนักเตะรายนี้กันมากขึ้น
นิวคาสเซิล เอาจริงกับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ซึ่งคุณสามารถร่วมสมัครเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ได้ที่นี่
ประวัติส่วนตัวของ ซานโดร โตนาลี
- ชื่อเต็ม : ซานโดร โตนาลี
- วันเกิด : 8 พฤษภาคม 2000
- อายุ : 23 ปี
- น้ำหนัก : 80 กิโลกรัม
- ส่วนสูง : 181 เซนติเมตร
- ทีมที่เล่น : นิวคาเซิล ยูไนเต็ด
เส้นทางลูกหนังของ ซานโดร โตนาลี
ซานโดร โตนาลี เริ่มเล่นฟุตบอลแบบจริง ๆ จัง ๆ ตอนอายุ 8 ขวบ ด้วยการเข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนของ ปิอาเซนซ่า ทีมเล็ก ๆ ในลีกระดับล่างของประเทศอิตาลี และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกทีมชื่อดังอย่าง เบรสชา กระชากตัวไปร่วมทีมเมื่อปี 2012
และหลังจากที่ โตนาลี ก้าวขาเข้าสู่ทีมอคาเดมี่ของ เบรสชา ด้วยวัย 12 ปี โตนาลี ใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้นในฐานะเด็กฝึก เพราะในปี 2017 โตนาลี ก็ได้แปรสภาพเป็นนักเตะอาชีพเต็มตัว จากการมีชื่อลุยศึก กัลโช เซเรีย บี ฤดูกาล 2017-18
แม้ โตนาลี จะประเดิมนัดแรกกับเบรสชาชุดใหญ่ไม่สวยนัก ในเกมแพ้ อเวลลิโน่ 1-2 แต่นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเป็นยอดนักเตะ เพราะหลังจากที่เขาเดบิวต์ด้วยความพ่ายแพ้ แต่หลังจากนั้นมา โตนาลี สามารถเบียดรุ่นพี่ขึ้นมายึดพื้นที่กองกลางของเบรสชาได้ทันที และมีสถิติในฤดูกาลแรกด้วยการลงสนาม 19 นัด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมาจากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 17 นัดเลยทีเดียว ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ เซเรีย บี ได้ตั้งแต่ฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในชีวิต
ทำให้ฤดูกาลถัดมา โตนาลี ในวัย 18 ปี ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาอีกต่อไป แต่ถูกมองว่านี่คือดาวดวงใหม่ในอนาคต โดยฤดูกาล 2018-19 เขาลงสนามแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และพูดได้เต็มปากว่านี่คือกองกลางคนสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ โดยลงสนามในลีกไปทั้งหมด 34 นัด ยิงได้ 3 ประตูบวกกับอีก 7 แอสซิส์ และลงเล่น 90 นาทีเต็ม ถึง 27 เกม ในฤดูกาลดังกล่าว ที่สำคัญคือการพา เบรสชา จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์ พร้อมคัมแบ็คสู่ เซเรีย อา ครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่วน โตนาลี ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกรองได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 2019-20 คือการเล่นลีกสูงสุดครั้งแรกของ โตนาลี อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่หวั่นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังปล่อยของได้เยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้ผลงานของต้นสังกัดจะย่ำแย่จนจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองบ๊วย แต่ฟอร์มส่วนตัวของ โตนาลี นั้นเฉิดฉายสุด ๆ จนทำให้สื่ออิตาลีตั้งฉายาให้กับเขาว่า “นิวปีร์โล่”
ซึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมของ โตนาลี ทำให้มีหลายทีมจ้องเขาแบบตาไม่กระพริบ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น เอซี มิลาน ที่ได้ตัวเขาไปด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล พร้อมเงื่อนไขซื้อขาดในราคา 15 ล้านยูโร และบวกโบนัสในอนาคตอีก 10 ล้านยูโร
และแน่นอนว่า โตนาลี ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฤดูกาลแรกกับมิลานเขาลงสนามทุกรายการไปทั้งหมด 37 นัด ทำให้ปีถัดมา “ปีศาจแดง-ดำ” ไม่รีรอซื้อขาดในทันที พร้อมจับเซ็นสัญญายาว 5 ปี และที่สำคัญคือ โตนาลี ยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองเพื่อทำตามความฝันวัยเด็กในการมาเล่นที่ ซาน ซิโร่ จนทำให้เขาได้รับความรักจากแฟนบอลในทันที
ซึ่งฤดูกาล 2021-22 เรียกได้ว่านี่คือปีที่พีคที่สุดของ โตนาลี เลยก็ว่าได้ หลังจากลงสนามในลีกไปทั้งหมด 36 นัด ซัดไป 5 ประตู กับ 6 แอสซิตส์ เป็นเครื่องจักรในแดนกลาง และเป็นฟันเฟืองคนสำคัญของทีม จนสามารถพาทีมจบฤดูกาลด้วยการคว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ยุติการรอคอยร่วม 1 ทศวรรษ
โดยฤดูกาลดังกล่าว โตนาลี ได้รับการยกย่องว่าจะเป็นสุดยอดกองกลางของทีมชาติอิตาลีในอนาคต และเขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “นิวปีร์โล่” อีกต่อไป เพราะเขาได้สร้างรอยเท้าของตัวเอง และเลือกที่จะเดินทางในรูปแบบของ “ซานโดร โตนาลี”
สโมสรที่เคยเล่น
นิวคาเซิล ยูไนเต็ด (2023-ปัจจุบัน)
เอซี มิลาน (2020-2023)
ลงเล่น 130 นัด ยิงได้ 7 ประตู 13 แอสซิสต์
เบรสชา (2017-2020)
ลงเล่น 89 นัด ยิงได้ 6 ประตู 16 แอสซิสต์
ทีมชาติอิตาลี (2019-ปัจจุบัน)
ลงเล่น 14 นัด 2 แอสซิสต์
แชมป์ที่เคยได้รับ
เอซี มิลาน
กัลโช เซเรีย อา 1 สมัย : (2021-22)
เบรสชา
กัลโช เซเรีย บี 1 สมัย : (2018-19)
รางวัลส่วนตัว
นักเตะยอดเยี่ยม กัลโช เซเรีย บี 2 สมัย : (2017-18, 2018-19)
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก