เมื่อพูดถึงสโมสรฟุตบอลเยอรมันที่พัฒนามากที่สุด และอื้อฉาวที่สุดในรอบสิบปีหลัง แอร์เบ ไลป์ซิก ย่อมเป็นสโมสรแห่งนั้น เนื่องจากเงินทุนหนุนหลังของ “เรดบูล” เครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังนำมาสู่ทั้งชื่อเสียง รวมถึงชื่อเสียของสโมสร
แต่ใครจะรู้เลยว่าจุดเริ่มต้นของแอร์เบ ไลป์ซิก มาจากคู่แข่งร่วมลีกของพวกเขาเอง นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค สโมสรดังแห่งเยอรมัน ที่ปลุกปั้นและให้ความช่วยเหลือสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างดี แม้รู้ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของตัวเอง
การตลาดของเรดบูล
เมื่อพูดถึงกลยุทธ์ทางการตลาดของเรดบูล พวกเขาถือเป็นบริษัททุ่มงบประมาณเพื่อประชาสัมพันธ์ และสร้างความรับรู้ต่อแบรนด์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยกลุ่มเป้าหมายแรกที่เรดบูลเข้าไปทำการตลาดอย่างจริงจัง คือกลุ่มแฟนกีฬาเอ็กตรีมส์ที่มีไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง คือมองหาความสนุก รวมถึงความน่าตื่นเต้นให้กับชีวิต
เรดบูลทำการตลาดอย่างหนักกับกีฬาเอ็กตรีมส์ พวกเขาสนับสนุนการแข่งขันกีฬาแปลก ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระโดดจากอวกาศ, จักรยานผาดโผน, ปีนเขา หรือภายเรือคายัค ไปจนถึงการสร้างกีฬาของตัวเองขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์การตลาดของเรดบูลโดยเฉพาะ เช่น Dolomitenmann คือการวิ่ง 4 กีฬา หรือ Flugtug คือการแข่งประดิษฐ์ยานพาหนะเพื่อโยนตัวเองลงมาจากที่สูง
เรดบูลก้าวถึงจุดสูงสุดเรื่องการตลาดกีฬา เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของทีมฟอร์มูล่า วัน ภายใต้ชื่อ “เรดบูล เรซซิ่ง” ในปี 2005 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นทีมดังแห่งวงการรถสูตรหนึ่งอย่างรวดเร็ว นำมาสู่กลยุทธ์การตลาดใหม่ที่เรียกว่า “ชนะวันอาทิตย์ ขายดีวันจันทร์”
แสดงถึงยอดขายของเครื่องดื่มเรดบูลที่จะเพิ่มขึ้นเป็นเทน้ำเทท่าทุกครั้ง เมื่อนักแข่งจากทีมเรดบูล เช่น แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน คว้าชัยชนะจากการแข่งขันในวันอาทิตย์ ความสำเร็จทางการตลาดของเรดบูลในแวดวงกีฬาเอ็กตรีมส์ และกีฬาความเร็ว ส่งผลให้แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังเจ้านี้มองข้ามการเปิดตลาดในกีฬาฟุตบอลเรื่อยมา
เนื่องจากมองว่ามีราคาแพงเกินกว่าจะลงทุน และยังไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่มองหาการแข่งกีฬาที่มีความเร้าใจเป็นหลัก จนกระทั่ง ดีทริช เมเทสซิทซ์ มหาเศรษฐีชาวออสเตรียเจ้าของบริษัทเรดบูล เดินทางไปพูดคุยกับชายคนหนึ่งที่สามารถสร้างอิทธิพลให้เรดบูลลงมาทำการตลาดในกีฬาฟุตบอลได้สำเร็จ
ชายคนนั้นคือ ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ตำนานนักเตะทีมชาติเยอรมัน และอดีตประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค
คำชักชวนจากประธานบาเยิร์น
เบ็คเคนเบาเออร์ และเมเทสซิทซ์ ต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเป็นเวลานาน ทั้งสองมักปรึกษาหารือในเรื่องธุรกิจกีฬาอยู่เสมอ วันหนึ่ง อดีตนักเตะทีมชาติเยอรมันได้พบกับเจ้าของบริษัทเรดบูลที่ออสเตรีย เพื่อยืนยันแนวคิดของเขาที่บอกชัดว่า เรดบูลจะต้องลงมาทำการตลาดในกีฬาฟุตบอล หากพวกเขาอยากเป็นแบรนด์ที่ทำการตลาดในระดับโลกอย่างแท้จริง ซึ่งเมเทสซิทซ์ก็เชื่อตามนั้น
เรดบูลจึงรุกเข้าสู่ตลาดกีฬาฟุตบอลเต็มตัวในปี 2005 เมื่อพวกเขาเข้าซื้อทีมออสเตรีย ซัลส์บวร์ก ก่อนเปลี่ยนเป็น เรดบูล ซัลส์บวร์ก เหมือนในปัจจุบัน หลังจากนั้นในปี 2006 เรดบูลได้ขยายสาขาทีมฟุตบอลในเครือไปยังสหรัฐอเมริกา
โดยบริษัททำการซื้อแฟรนไชส์นิวยอร์ก เมโทรสตาร์ส ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น นิวยอร์ก เรดบูล ซึ่งการลงทุนซื้อทีมในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เกิดจากคำแนะนำของแบ็คเคนเบาเออร์ เช่นเดียวกัน หลังเจ้าตัวเคยผ่านประสบการณ์ค้าแข้งให้กับทีมนิวยอร์ก คอสมอส มาก่อนในยุค 70s
เบ็คเคนเบาเออร์ยังเป็นคนแนะนำให้เรดบูลเลือกเทคโอเวอร์สโมสรกึ่งอาชีพในเยอรมัน เพื่อพัฒนาทีมแห่งนั้นขึ้นเป็นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลเยอรมันในอนาคต ซึ่งท้ายที่สุด เรดบูลได้ซื้อใบอนุญาตลงแข่งขันของสโมสรมาร์กรานสตัดท์ เพื่อสร้างทีมฟุตบอลแห่งใหม่ขึ้นในปี 2009 ภายใต้ชื่อแอร์เบ ไลป์ซิก
ทัพกระทิงแดงแห่งเยอรมันก้าวขึ้นเป็นทีมชั้นนำของบุนเดสลีกาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากแฟนบอลในประเทศ เนื่องจากการถือกำเนิดของสโมสรแห่งนี้ขัดกับกฏ 50+1 ของบุนเดสลีกาอย่างโจ่งแจ้ง คำถามที่ผู้คนสงสัยจึงเกิดขึ้น
นั่นคือ เหตุใดเหล่าผู้บริหารบาเยิร์น มิวนิค ถึงต้องการให้เรดบูลเข้ามามีส่วนกับฟุตบอลเยอรมัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า ไม่เพียง แอร์เบ ไลป์ซิก จะเป็นคู่แข่งคนสำคัญรายใหม่ แต่สโมสรแห่งนี้ยังสร้างเรื่องอื้อฉาวแก่ฟุตบอลเยอรมัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : แดร์ คลาสสิเคอร์ คืออะไร? เปิดประวัติศาสตร์ของคู่ บาเยิร์น พบ ดอร์ทมุนด์
ศัตรูในสนาม คือเพื่อนรักทางธุรกิจ
เหตุผลสำคัญที่บาเยิร์น มิวนิค ต้องการให้เรดบูลเข้ามาเปิดสาขาสโมสรฟุตบอลในเยอรมัน เป็นเพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าเงินทุนของเครื่องดื่มชูกำลังรายนี้จะสามารถพัฒนาฟุตบอลเยอรมันได้ เหมือนกับที่บริษัทแห่งนี้รับบทบาทสปอนเซอร์คนสำคัญ สนับสนุนเงินทุนจนสามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมัน และฟุตบอลยูโร 2008 ที่ประเทศออสเตรีย ได้สำเร็จ
ทัพเสือใต้แน่ใจว่าแอร์เบ ไลป์ซิก จะก้าวเป็นส่วนสำคัญของฟุตบอลเยอรมัน พวกเขาส่งนักเตะอายุมากของทีมให้ทัพกระทิงแดงใช้งานแบบฟรี ๆ รวมยังถึงส่งอนาคตผู้จัดการทีมอย่าง ฮันซี ฟลิค ไปอยู่ในทีมโค้ชของแอร์เบ ไลป์ซิก และเมื่อเวลาผ่านไปถึงจุดที่การลงทุนของพวกเขาผลิดอกออกผล บาเยิร์น มิวนิค ดำเนินตามแผนการด้วยการดึงสตาร์ดังจำนวนหนึ่งของไลป์ซิกเข้าสู่ทีม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบสโมสรเครือข่ายของเรดบูล กลายเป็นระบบพัฒนานักเตะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดาวรุ่งหลายคนจากเรดบูล ซัลส์บวร์ก ถูกส่งออกไปเป็นกำลังหลักของทีมฟุตบอลทั่วยุโรป ส่วนแข้งตัวหลักของแอร์เบ ไลป์ซิก ผลิตนักเตะชั้นนำของโลกขึ้นมาหลายคน ซึ่งลูกค้าคนสำคัญที่มักซื้อนักเตะจากสโมสรแห่งนี้ คือ บาเยิร์น มิวนิค
ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, มิทเชล ซาบิตเซอร์ และคอนราด ไลเมอร์ นี่คือตัวอย่างนักเตะที่ย้ายจากไลป์ซิกสู่บาเยิร์น ซึ่งยังไม่รวมการย้ายตัวเฮดโค้ช ยูเลียน นาเกิลมันส์ ที่ทัพเสือใต้ยอมจ่ายเงิน 25 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามาจากทัพกระทิงแดง
นี่คือการลงทุนที่เหล่าผู้บริหารบาเยิร์นมองว่าคุ้มค่า เพราะสุดท้ายเงินที่ไลป์ซิกได้จะถูกนำมาพัฒนาความแข็งแกร่งของฟุตบอลเยอรมันต่อไป เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้นักเตะดีราคาไม่แพงไปใช้งาน เพราะการซื้อขายนักเตะระหว่างสโมสรเยอรมันด้วยกัน จะมีการกำหนดราคาที่สมเหตุสมผลเสมอ
อูลี เฮอเนส อีกหนึ่งอดีตประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ยังเป็นอีกคนที่มีความสนิทสนมกับเมเทสซิทซ์ เขาสามารถสานสัมพันธ์กับเรดบูลในการลงทุนนอกเหนือกีฬาฟุตบอลให้กับทัพเสือใต้ นำมาสู่การสร้างสนามสเก็ตน้ำแข็งโอลิมปิกในเมืองมิวนิค ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงรังเหย้าของแอร์เบ มิวนิค ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งในเครือเรดบูล แต่ยังเป็นสนามของทีมบาสเกตบอลบาเยิร์น มิวนิค
บาเยิร์น มิวนิค และแอร์เบ ไลป์ซิก อาจเป็นศัตรูกันในสนามฟุตบอลก็จริง แต่หากพูดถึงเรื่องธุรกิจ พวกเขาดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน มากกว่าจะเป็นคู่แข่งที่ต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกันตลอดเวลา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองทีมต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือพัฒนาวงการฟุตบอลเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ระดับของพรีเมียร์ลีกกำลังทิ้งห่างการแข่งขันฟุตบอลลีกอื่นในยุโรปทุกขณะ
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand