พรีวิวฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มอี (กลุ่ม E) ทุกสิ่งทุกเรื่องที่คุณควรรู้

The Sporting News

พรีวิวฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มอี (กลุ่ม E) ทุกสิ่งทุกเรื่องที่คุณควรรู้ image

ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และถึงเวลาที่เราจะไปรู้จักกับทุกทีมในฟุตบอลโลก รอบนี้ถึงทีของกลุ่มอี หรือกลุ่มแห่งความตายในฟุตบอลโลกหนนี้ ที่มีสองอดีตทีมแชมป์โลก อย่าง สเปน และเยอรมัน

พร้อมทั้งทีมเบอร์หนึ่งของเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น และจอมม้ามืดจากอเมริกากลาง อย่าง คอสตาริกา

สเปน : กระทิงหนุ่ม ถึงเวลาต่อยอด กลับคืนสู่ยุคทองอีกครั้ง 

ปูมหลังด้านฟุตบอล

ทีมชาติสเปนเป็นสมาชิกฟีฟ่าตั้งแต่ตอนที่ก่อตั้งในปี 1904 แม้ว่าสหพันธ์ฟุตบอลสเปนจะก่อตั้งครั้งแรกในปี 1909 ก็ตาม โดยที่ทีมชาติสเปนชุดแรก เป้าหมายหลักคือการหาตัวแทนไปเล่นในโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 1920 ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ได้เหรียญเงินไปครองในครั้งนั้น  

สเปนทำผลงานได้ไม่ดีนักในฟุตบอลโลก ผลงานที่ดีที่สุดคืออันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก 1950 ที่บราซิล ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็จะไปได้ไกลที่สุดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอยู่พักใหญ่ๆ จนถูกขนานนามว่า พวกเขามันก็แค่ หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม ไม่ใช่ทีมที่เก่งจริงๆเมื่อต้องลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ จนกระทั่งพวกเขามาถึงเส้นชัยจนได้

ทีมชาติสเปนพิสูจน์ให้เห็นในช่วงปี 2008-2012 ว่าพวกเขาสามารถเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้เหมือนกัน จากเดิมเป็นหมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม พวกเขากวาดแชมป์ในทุกๆทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งขัน ยูโร 2008 , ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012 ด้วยสไตล์การเล่นที่หลายคนจะต้องหลงรัก พวกเขาได้ทำให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในทีมชาติแถวหน้าของโลกลูกหนัง

ทีมชาติสเปนมีวิธีการเล่นที่ชัดเจน พวกเขาไม่เคยกลัวต่อคู่ต่อสู้ และมันก็ยังชัดเจนอยู่เสมอในยุคของหลุยส์ เอ็นริเก้ โดยเขาชัดเจนว่าสเปนจะยังคงเป็นทีมที่เล่นเกมรุกบุกหนักใส่คู่ต่อสู้ พร้อมด้วยการสร้างเกมตั้งแต่ผู้รักษาประตูขึ้นมา นั่นทำให้พวกเขาโดดเด่น ซึ่งหากจำกันได้ในทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 พวกเขาก็ไปได้ไกลในรอบรองชนะเลิศเหมือนกัน ซึ่งถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจ 

ผลงานโดดเด่นในอดีต

พวกเขาเคยคว้าแชมป์ยูโรในปี 1964 มาครองได้ ก่อนที่จะห่างหายความสำเร็จไปนานมากๆ จนกลับมาสู่ยุคทองที่ทีมชาติสเปนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วงปี 2008-2012 พวกเขาคว้าแชมป์ยูโรทั้ง 2008 และ 2012 รวมถึงคว้าแชมป์โลกมาได้ในปี 2010 ก่อนที่หลังจากนั้นจะเข้าสู่การสร้างใหม่ พวกเขายังแข็งแกร่งแต่ก็ยังไปไม่ถึงการคว้าแชมป์สักที 

นักเตะน่าจับตามอง : เปดรี้ 

เขาถือเป็นนักเตะที่ถูกจับตามองมากที่สุดจากสื่อต่างประเทศ แม้ว่าจะอายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่เขาได้กลายเป็นส่วนสำคัญของทั้งทีมชาติสเปน และ สโมสรบาร์เซโลน่าไปแล้ว เขาถือเป็นนักเตะที่โดดเด่นและพิเศษกว่าใคร การเล่นที่มีวิสัยทัศน์ และรู้จักการเล่นตามจังหวะที่ดี 

ทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าแม้จะต้องเจอกับความกดดัน แต่เขาพร้อมที่จะได้เจอ และในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน เปดรี้พร้อมทำให้เห็นว่าเขาคือนักเตะคนสำคัญของทีมชาติสเปน  

----------

คอสตาริกา : กล้วยหอมจอมเซฟ

ปูมหลังด้านฟุตบอล

ในฐานะอันดับที่ 31 ของฟีฟ่าแรงกิ้งฟีฟ่าแรงกิ้ง ซึ่งถือเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดแล้วในกลุ่มนี้ คอสตาริกาผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกมาด้วยฟอร์มแกร่ง โดยที่พวกเขาชนะ 6 แพ้ 1 ใน 7 นัดหลังสุดนั้นทำให้พวกเขามั่นใจมากๆว่าอาจหาทางผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มที่แข็งแกร่งนี้ไปได้ 

สำหรับผลงานในระดับทวีป คอสตาริกา ก็เคยได้แชมป์มาเหมือนกัน โดยพวกเขาเคยคว้าแชมป์คอนคาเคฟโกลด์คัพได้ถึง 3 สมัย คือในปี 1963, 1969 และ 1989 

ส่วนในฟุตบอลโลกพวกเขาไม่ได้ไปแข่งขันบ่อยนัก ในประวัติศาสตร์พวกเขาลงเล่นในฟุตบอลโลกทั้งหมด 6 สมัย คือในปี 1990,2002,2006,2014,2018 และ 2022 โดยผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลนั่นเอง 

Getty Images

ผลงานระดับชาติที่โดดเด่น 

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกพวกเขาเคยสร้างเซอร์ไพรส์มาแล้วในฟุตบอลโลก 2014 โดยการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ พวกเขาคือแชมป์กลุ่มในกลุ่มที่มี อุรุกวัย,อิตาลี และ อังกฤษ ซึ่งต่างก็เป็นชาติที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วทั้งนั้น ตามด้วยเอาชนะทีมชาติกรีซ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะไปแพ้จุดโทษให้กับเนเธอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย  

นักเตะเด่น : เคย์เลอร์ นาบาส

แม้ว่าในตอนนี้กับสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง เขาเองจะได้กลายเป็นตัวสำรเองอย่างถาวรแล้วก็ตาม แต่นาบาสยังเป็นนักเตะที่สำคัญมากๆต่อประเทศของเขา เขาถือเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานไปแล้ว และหากไม่ใช่เขาบางที คอสตาริกา อาจไม่ได้มาเล่นฟุตบอลโลกในคราวนี้ เชื่อได้เลยว่า นาบาส จะยังคงโชว์ฟอร์มเซฟสุดยอดในฟุตบอลโลกหนนี้จนช่วยให้คอสตาริกามีความหวัง 

-----

เยอรมนี : ยกเครื่องอินทรีเหล็ก เตรียมพร้อมเพื่อยุคใหม่

ปูมหลังด้านฟุตบอล

พวกเขาถือเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุโรป และแข็งแกร่งมาเสมอ โดยที่หากย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาทั้งหมด 4 สมัยด้วยกัน รวมถึงเคยเป็นรองแชมป์โลกอีก 4 ครั้ง ถือเป็นทีมที่ได้มีส่วนกับนัดชิงชนะเลิศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 

ผลงานครั้งล่าสุดที่ทีมชาติเยอรมนีคว้าแชมป์ได้คือเมื่อปี 2014 หลังจากที่ทำผลงานแข็งแกร่งเป็นรองแชมป์ในปี 2002 ตามด้วยอันดับที่ 3 ทั้งในปี 2006 และ 2010 ทีมชาติของพวกเขาสุกงอมมากพอที่จะไปถึงการคว้าแชมป์ได้ จากการนำของโยอาคิม เลิฟ ซึ่งแน่นอนว่า ณ ช่วงเวลานั้นพวกเขาแข็งแกร่งมากๆ ก่อนที่จะถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนแปลง   

ทีมชาติเยอรมนีมองหาการสร้างใหม่หลังหมดยุคโยอาคิม เลิฟ เหมือนกับทุกๆอย่าง มีวันเด่นก็ต้องมีวันดับ ทัวร์นาเมนต์สั่งลาของเลิฟจบลงไม่ดีนัก แม้พวกเขาจะเตรียมพร้อมมามากแล้วก็ตามที่แต่ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในยูโร ก่อนจะเป็นโอกาสของฮันซี่ ฟลิค 

ฟลิคที่เคยทำบาเยิร์น มิวนิคชุดประวัติศาสตร์คว้า 6 แชมป์ในปีเดียวได้โอกาสคุมทีมชาติหลังเคยเป็นผู้ช่วยของเลิฟมาระยะหนึ่ง โดยที่สัญญาของเขาจะอยู่ถึงราวยูโร 2024 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน หน้าที่ในตอนนี้คือการสร้างทีมเพื่ออนาคตกับนักเตะที่มีอยู่ในมือตอนนี้ เตรียมพร้อมเพื่อยุคใหม่

Germany Deutschland Italien Italy UEFA EURO 02072016

  

ผลงานเด่นระดับนานาชาติ  

เยอรมนีถือเป็นหนึ่งในชาติที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก พวกเขาคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัยด้วยกัน เป็นรองแค่ทีมชาติบราซิลเท่านั้น ซึ่งพวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลโลกในปี ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014 

ส่วนในยูโร พวกเขาก็เป็นทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุด กับการเคยคว้าไปได้ถึง 3 สมัยด้วยกันในปี 1972, 1980 และ 1996 

นักเตะที่โดดเด่น : จามาล มูเซียล่า  

หนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลกชั่วโมงนี้ เขาถือเป็นส่วนสำคัญของบาเยิร์น มิวนิคไปแล้ว แม้จะอายุแค่ 19 ปีก็ตาม โดยในตอนนี้เขาถือเป็นนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดไม่ใช่แค่ในบาเยิร์น แต่รวมถึงในบุนเดสลีกา กับผลงานการมีส่วนร่วมในการทำประตูมากที่สุดในลีก  

โดยในการแข่งขันยูโร 2020 เขามีส่วนร่วมกับทีมชาติน้อยมากๆ แต่ในคราวนี้ภายใต้ผู้จัดการทีมฮันซี่ ฟลิค เป็นไปได้ว่ามูเซียล่าจะได้โอกาสมากขึ้นในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาในฟุตบอลโลกหนนี้ 

----

ญี่ปุ่น : ซามูไร ใจเกินร้อย 

ปูมหลังด้านฟุตบอล

ทีมชาติญี่ปุ่นพาตัวเองเข้าสู่ฟุตบอลโลกได้ครั้งแรกคือในปี 1998 ก่อนที่พวกเขาจะได้เป็นเจ้าภาพร่วมในปี 2002 ซึ่งก็ถือว่าทำผลงานได้ดีมาเสมอ กับการเข้าสู่รอบสุดท้ายมาเป็นสมัยที่ 7 โดยที่มีถึง 3 ครั้งที่พวกเขาทำผลงานเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้

ด้วยประสบการณ์ที่แข่งขันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาติดต่อกันขนาดนี้ก็ทำให้พวกเขารู้ว่าควรจะต้องเล่นอย่างไรในการแข่งขันที่ดุเดือดแบบนี้ อย่างในคราวก่อนพวกเขาก็ทำได้ดีสุดๆในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เกือบที่จะล้มทีมชาติเบลเยี่ยม หลังนำไปก่อน 2-0 น่าเสียดายที่พลิกกลับมาแพ้ในตอนจบ 

พวกเขาสู้อย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้เสมอ ด้วยความเชื่อมั่นภายในทีมบวกกับประสบการณ์ของนักเตะหลายๆคนในตอนนี้ที่ก็เข้ามาค้าแข้งในยุโรปมากขึ้น แน่นอนว่าด้วยความใจสู้ของพวกเขา ก็ยังคงเป็นอีกครั้งที่ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในทีมชาติที่น่าจับตามองสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้

円陣を組むサッカー日本代表チーム(写真は2022年1月27日中国戦時)
Getty Images

ผลงานระดับชาติที่โดดเด่นในอดีต 

ทีมชาติญี่ปุ่นถือเป็นชาติที่มีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายมาเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันแล้ว โดยผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2002 , 2010 และ 2018 

นักเตะเด่น : ไดจิ คามาดะ

นักเตะกองกลางตัวรุกที่ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เขาถือเป็นนักเตะเบอร์ต้นๆที่อยู่ในทีมชุดตัวจริงของทีมชาติญี่ปุ่นในตอนนี้ กับผลงานในฤดูกาลนี้มันยิ่งบอกชัดว่าเขานั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน คามาดะโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พร้อมเป็นคนสร้างจังหวะในการทำประตู รวมถึงพละกำลังของเขาที่วิ่งได้ไม่มีหมดจะช่วยนำเกมรุกของญี่ปุ่นชุดนี้ให้แกร่งขึ้นอีกขั้น

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.