หากย้อนเวลากลับไปสัก 4-5 ปีก่อน ชื่อของ ‘โจซิป อิลิซิช’ ถือเป็นชื่อที่คุ้นหูสำหรับแฟนบอล เนื่องจากเขาคือเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญของ อตาลันต้า ในยุครุ่งเรื่องสุด ๆ ที่เคยไปไกลถึงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เส้นทางบนถนนลูกหนังของเขาเกือบจะต้องพังลงไป เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต ที่ทำให้ชีวิตของเขานั้นตกต่ำมาก ๆ จนถึงขั้นที่เกือบจะแขวนสตั๊ด
แต่ถึงกระนั้น โจซิป อิลิซิช ก็ผ่านทุกบททดสอบมาได้ ก่อนกลับมาลงสนามให้กับทีมชาติสโลวิเนีย อีกครั้ง หลังห่างหายไปนานหลายปี ในศึกยูโร 2024 ในเกมที่พบกับ อังกฤษ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ชีวิตของเขาผ่านอะไรมาบ้าง? ติดตามได้ที่นี่
ประตูสู่เซเรีย อา
โจซิป อิลิซิช เจอบททดสอบชีวิตตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากเขาเกิดท่ามกลางสงครามที่บอสเนียในครอบครัวของชาวโครเอเชีย โดยเมื่อเขาอายุเพียง 1 ขวบ อิลิซิช กับแม่และน้องชายต้องลี้ภัยออกมาจากภาวะสงครามมายังประเทศสโลวิเนีย หลังจากที่พ่อของเขาถูกสังหาร
โดย อิลิซิช เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมระดับท้องถิ่นในสโลวิเนีย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่อย่าง มาริบอร์ ในปี 2010 แต่เขาก็เล่นอยู่ที่นี่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น เนื่องจากฟอร์มของเขาไปเข้าตา ปาแลร์โม ทีมดังของกัลโช เซเรีย อา อิตาลี
จริง ๆ แล้วการที่ โจซิป อิลิซิช ได้ย้ายมาค้าแข้งกับ ปาแลร์โม นั้นถือเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ เนื่องจากแท้จริงแล้วสโมสรส่งแมวมองไปสโลวีเนีย เพื่อดูฟอร์มของคู่แข่งก่อนเกมยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก เพลย์ออฟ แต่แทนที่เขาจะกลับมาพร้อมข้อมูลของคู่แข่ง แต่เขากับได้พบเพชรเม็ดงามนาม โจซิป อิลิซิช
ช่วงแรก อิลิซิซ ทำผลงานได้ไม่ดีนัก กระทั่งการเข้ามาของ ปิเอโร กาสเปรินี่ ในฤดูกาล 2012-13 ทำให้ อิลิซิซ โดดเด่นมากขึ้น และฉายแววเก่งขึ้นมาทันที จนได้ย้ายไปอยู่กับ ฟิออเรนตินา หลังจบฤดูกาลดังกล่าว โดยฝากผลงานกับ ปาแลร์โม ที่ 25 ประตู 18 แอสซิสต์
โดย อิลิซิซ ลงเล่นในให้กับทัพม่วงมหากาฬ 4 ฤดูกาล ก่อนที่ในซีซั่น 2017-18 เขาจะกลับไปร่วมงานกับ กาสเปรินี่ อีกครั้ง กับสโมสรอย่าง อตาลันต้า
คนสำคัญของ อตาลันต้า
แค่ฤดูกาลแรก อิลิซิช ก็สามารถยึดตัวจริงได้ทันที พร้อมกับทำไป 11 ประตู และ 8 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับที่ 7 ของตาราง อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม อิลิซิช ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกระทันหันเนื่องจากอาการติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลือง
แม้ว่าในที่สุดแล้วยาปฏิชีวนะก็จะรักษาเขาให้หายได้ แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาเช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้รับผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ดาวิเด อัสโตรี อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ ฟิออเรนติน่า ในปี 2018
“ผมกลัวที่จะเข้านอน ผมคิดว่าผมจะไม่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบครอบครัวอีกครั้ง” อิลิซิซ บอกกับ Sky Sports Italia
หลังหายจากอาการป่วย อิลิซิช ก็กลับมาทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งอีกครั้ง เขาพาทีมจบอันดับ 3 ในฤดูกาล 2018-19 พร้อมพา อตาลันต้า คว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้อย่างเหนือความคาดหมาย
เขายิงแฮตทริกได้ 5 ครั้งใน 3 ฤดูกาลแรกกับสโมสรดังแห่งแบร์กาโม รวมถึงผลงาน 4 ประตูในเกมเดียวที่พบกับ บาเลนเซีย จนทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม จนได้รับฉายาว่า 'ปรมาจารย์แห่งครานจ์' (บ้านเกิดของเขาในสโลวีเนีย)
บททดสอบชีวิต
แต่แล้วในปี 2020 เมืองแบร์กาโมก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในทวีปยุโรป และในเวลานั้นความรู้สึกในตอนที่เขาป่วยต่อมน้ำเหลืองเมื่อ 2-3 ปีก่อนก็กลับมาเล่นงานจิตใจเขา จนทำให้ อิลิซิซ ไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมในช่วงท้ายของฤดูกาล 2019-20 เนื่องจากปัญหาสุขภาพจิต อีกทั้งเขายังได้รับการวินิจฉัยว่าติดโควิดด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันยังมีข่าวลืออย่างน่าหูว่า อิลิซิช มีปัญหาชีวิตส่วนตัว หลังจากพบว่า ตินา โปโลวินา ภรรยาสุดที่รัก ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน แอบนอกใจด้วยการมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับชายคนอื่น และจากมรสุมหลาย ๆ อย่างที่ถาโถมมาในเวลาเดียวกัน ทำให้ อิลิซิช เกิดอาการซึมเศร้าและมีความคิดอยากจะแขวนสตั๊ดทันที
“เรารู้จักเขามาหลายปี มีช่วงเวลาที่มีความสุขร่วมกันมากมาย” ปิเอโร กาสเปรินี่ กล่าว
“ผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นคนปกติและมองโลกในแง่ดีมาก ๆ แต่จิตใจของเขากลับเป็นเหมือนป่าทึบ เป็นเรื่องยากสำหรับจิตแพทย์ที่จะพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงเราเลย ผมแค่หวังว่าเขาจะกลับมาและค้นพบความสุขในการลงสนามอีกครั้ง”
ติดทีมชาติลุยยูโร 2024
หลังจากประสบปัญหาซึมเศร้า โจซิป อิลิซิช และ อตาลันต้า ก็ยกเลิกสัญญากันด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ก่อนที่เขาจะได้เซ็นสัญญามาอยู่กับ มาริบอร์ อีกครั้งในเดือนตุลาคม 2022 หลังไร้สังกัดนานหลายเดือน และเขาเองก็ได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลราวกับฮีโร่
ในช่วงแรก อิลิซิช ในร่างกายที่ไม่เฟิร์มเหมือนก่อน มีผลงานที่ไม่ดีนักจนถูกกุนซือในเวลานั้นอย่าง ดาเมีร์ เคิร์ซนาร์ สั่งให้เขาแยกซ้อมคนเดียว เนื่องจากมองว่า อิลิซิช ไม่ฟิตพอที่จะช่วยทีมได้ในตอนนั้น และอยากให้เขาไปถึงระดับที่เขาสามารถช่วยทีมในสนามได้
อย่างไรก็ตาม กุนซือรายดังกล่าวก็ถูกเด้งออกไป และสโมสรก็ได้แต่งตั้ง อันเต้ ซิมุนด์ซา ซึ่งเคยเป็นทีมงานของ มาริบอร์ มาก่อน และเคยร่วมงานกับ อิลิซิช ในช่วงเวลาสั้น ๆ มาเป็นกุนซือคนใหม่ ก่อนที่เขาจะเป็นคนพา อิลิซิช กลับมาเป็นตัวจริงของทีมอย่างถาวร ก่อนที่ อิลิซิช จะตอบแทนความไว้ใจ ด้วยผลงาน 8 ประตู 11 แอสซิสต์ จาก 31 นัดในฤดูกาลที่ผ่านมา
จากผลงานดังกล่าวทำให้ โจซิป อิลิซิช ในวัย 36 ปี กลับมาเป็นมีชื่อติดทีมชาติสโลวีเนียอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังห่างหายไปนานถึง 4 ปี ก่อนจะลงมายิงประตูให้กับชาติได้อีกครั้งในเกมกระชับมิตรที่พบกับ อาร์เมเนีย จนมีชื่อติดทีมทีมชุดลุยยูโร 2024 และได้โอกาสลงเล่นในช่วง 15 นาทีสุดท้ายในเกมเสมอ อังกฤษ 0-0
“มันยากที่จะอธิบายอารมณ์ความรู้สึกนี้ มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะสำหรับนักเตะ และสำหรับทีมงานของเราทุกคน และเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับแฟน ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนเรา” โจซิป อิลิซิช กล่าวหลังเกมกับ Sky Sports Italia
“ผมเคยเล่นกับเด็กพวกนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว พวกเขารู้ดีว่าผมเป็นใครและสามารถช่วยพวกเขาได้มากเพียงใด ใช่ ผมเหมือนเป็นพี่ชายของพวกเขา แต่เพื่อนร่วมทีมของผมก็ไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนอีกต่อไป”
“ผมให้คำแนะนำมากมายและช่วยเหลือพวกเขาได้มาก ผมรู้ดีว่าผมอยู่จุดไหนในอาชีพ และผมสามารถให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ในอนาคต”
“ผมยินดีอย่างจริงใจ นักเตะคนหนึ่งของอังกฤษชมผม และบอกว่าเขาเคารพผมมาก นี่ทำให้ผมใจฟูมาก คนทั้งโลกรู้เรื่องราวของผม ส่วนผู้เล่นคนนั้นคือใครน่ะหรอ? กองกลางของ อาร์เซนอล คุณก็รู้ดี เดแคลน ไรซ์ ไง”
ด้วยวัย 36 ปี และฟอร์มที่ไม่ได้อยู่ในจุดพีค แน่นอนว่า โจซิป อิลิซิช มีบทบาทเป็นเพียงตัวสำรองในศึกครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่า 15 นาที ที่เขาได้รับในเกมที่พบกับ อังกฤษ จะทำให้ชีวิติของเขาไม่ลืมความรู้สึกนี้อย่างแน่นอน
รับเครดิตฟรี ยูโร ที่ M88 คลิก!
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand