เกมฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย ประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ นอริช
เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก ไม่แพ้ใครมาแล้ว 9 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ ส่วนผลงานในรอบที่ผ่านมา เอาชนะ อาร์เซนอล มาได้ 2-0
ขณะที่ นอริช ซิตี้ ทีมอันดับ 8 ของเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพิ่งแพ้เป็นเกมแรกในรอบ 5 นัด โดยพวกเขาผ่านเข้ารอบมาด้วยการ เอาชนะ บริสตอล โรเวอร์ส ในนัดรีเพลย์ 3-1
เริ่มเกมมาเป็น ลิเวอร์พูล ที่เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่ ก่อนจะได้โอกาสยิงครั้งแรกในนาทีที่ 5 จากลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของ โจ โกเมซ แต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว และหลังจากนั้น 3 นาที โคดี้ กัคโป ก็ได้วอลเลย์โล่ง ๆ แต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบ
หลังจากพยายามทำเกมรุกอยู่นาน ในนาทีที่ 16 ความพยายามของ ลิเวอร์พูล ก็เป็นผล เมื่อเจ้าหนู เจมส์ แม็คคอนเนลล์ หยอดบอลเข้าเขตโทษ ให้ เคอร์ติส โจนส์ วิ่งสอดมาโหม่งเล่นทาง ส่งเจ้าบ้านออกนำ 1-0
อย่างไรก็ดี เพียง 5 นาทีต่อมา นอริช ซิตี้ ที่เป็นรองตั้งแต่เริ่มเกม ก็ได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว จากลูกเตะมุมของ กาเบรียล ซารา ที่เปิดเข้ามาให้ เบน กิบสัน โหม่งเช็ดเข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม
แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ปล่อยให้ผู้เยือนมีความสุขได้นาน เพราะในนาที 28 พวกเขาก็กลับมาขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ ตัดบอลได้ ก่อนจะทำชิ่งกับ กับ ดิโอโก้ โจต้า และไหลทะลุช่องต่อให้ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดไปดวลเดี่ยวผู้รักษาประตู ส่ง ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน นาทีที่ 53 ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูที่ 3 จากการวางบอลยาวจากแดนตัวเองของ เคอร์ติส โจนส์ ก่อนที่ เบน กิบสัน จะสกัดไม่ขาด มาเข้าทาง ดิโอโก้ โจต้า ได้วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าประตูไปอย่างเฉียบคม
ต่อมานาที 63 ลิเวอร์พูล ที่ยังไม่ผ่อนเครื่องก็หนีห่างเป็น 4-1 จากการประสานงานกันของตัวสำรอง โดมินิค โซบอสซ์ไล เปิดเตะมุมมาให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้เทคตัวโหม่งคนเดียวโล่ง ๆ
แต่ทว่านาทีที่ 69 ตัวสำรองของฝั่ง นอริช ก็ได้แผลงฤทธิ์เช่นกัน เมื่อ บอร์ฆา ซาอินซ์ ได้ยิงไกลจากหน้ากรอบเขตโทษ ส่งบอลเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ทีมเยือนไล่ตามมา 4-2
ก่อนที่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 ไรอัน กราเฟนแบร์ก จะมาโหม่งประตูปิดท้าย ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้าน ชนะ นอริช ซิตี้ 5-2 เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง วัตฟอร์ด หรือ เซาแธมป์ตัน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซง เบคเกอร์ - คอเนอร์ แบรดลีย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, จาเรลล์ ควอนซาห์, โจ โกเมซ - เคอร์ติส โจนส์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, เจมส์ แม็คคอนเนลล์ - ดิโอโก้ โจต้า, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ
นอริช ซิตี้ (4-2-3-1) : จอร์จ ลอง - แจ็ค สเตซี่ย์, แกรนท์ แฮนลีย์, เบน กิบสัน, แซม แมคคัลลัม - มาร์เซลิโน นูเนซ, เคนนี แม็กลีน - โอเนล เอร์นานเดซ, กาเบรียล ซารา, คริสเตียน ฟาสนัคท์ - แอชลี่ย์ บาร์นส์
โปรแกรมถ่ายทอดสด ลิเวอร์พูล พบ นอริช ซิตี้
วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2024
| เวลา | คู่แข่งขัน | ช่องถ่ายทอดสด |
| 21.30 น. | ลิเวอร์พูล พบ นอริช ซิตี้ | beIN SPORTS 1 |
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของลิเวอร์พูล
- 24 มกราคม 2024 เสมอ ฟูแลม 1-1 (คาราบาว คัพ)
- 21 มกราคม 2024 ชนะ บอร์นมัธ 4-0 (พรีเมียร์ลีก)
- 10 มกราคม 2024 ชนะ ฟูแลม 2-1 (คาราบาว คัพ)
- 7 มกราคม 2024 ชนะ อาร์เซนอล 2-0 (เอฟเอ คัพ)
- 1 มกราคม 2024 ชนะ นิวคาสเซิล 4-2 (พรีเมียร์ลีก)
วิเคราะห์ความพร้อมของลิเวอร์พูล
นอกจากจะเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพได้แล้ว ในเกมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ยังได้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สลัดอาการบาดเจ็บกลับมานั่งเป็นตัวสำรองได้อีกครั้ง นอกจากนี้ เคอร์ติส โจนส์ ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ก็ได้ลงสนามในเกมดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่ ติอาโก้ อัลคันทารา ก็กลับมาลงซ้อมร่วมกับทีมได้แล้ว
คาดว่าเกมนี้ ร็อบโบ้ น่าจะได้กลับมาออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็คซ้ายทันที เช่นเดียวกับ เคอร์ติส โจนส์ ที่จะได้ลงเล่นร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ในแดนกลาง ส่วน 3 แดนหน้าจะเป็นการประสานงานของ ดิโอโก้ โจต้า, โคดี้ กัคโป และ ดาร์วิน นูนเญซ
นักเตะบาดเจ็บ : สเตฟาน ไบจ์เซติช, โจเอล มาติป, เบน โด๊ค, คอสตาส ซิมิคาส, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โดมินิค โซบอสซ์ไล (เช็คฟิต)
นักเตะติดโทษแบน : -
นอริช ซิตี้
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของนอริช ซิตี้
- 24 มกราคม 2024 แพ้ ลีดส์ 0-1 (แชมเปี้ยนชิพ)
- 20 มกราคม 2024 ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 (แชมเปี้ยนชิพ)
- 17 มกราคม 2024 ชนะ บริสตอล โรเวอร์ส 3-1 (เอฟเอ คัพ)
- 12 มกราคม 2024 ชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 2-1 (แชมเปี้ยนชิพ)
- 6 มกราคม 2024 เสมอ บริสตอล โรเวอร์ส 1-1 (เอฟเอ คัพ)
วิเคราะห์ความพร้อมของนอริช ซิตี้
นอริช ซิตี้ ไม่มีผู้เล่นคนใดต้องเล่นในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ หรือ เอเชียน คัพ แต่อย่างไรก็ตาม แดนนี่ บาธ ยังคงมีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ 2 แนวรุกตัวเก่งอย่าง จอช ซาร์เจนท์ และ โจนาธาน โรว์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมที่ผ่านมา
เมื่อไม่มี โจนาธาน โรว์ จะทำให้ โอเนล เอร์นานเดซ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแนวรุกร่วมกับ กาเบรียล ซารา และ บอร์ฆา ซาอินซ์ ขณะที่แดนหน้ายามไม่มี จอช ซาร์เจนท์ ก็จะเป็น อดัม อิดาห์ ที่ได้โอกาสลงสนามแทน
นักเตะบาดเจ็บ : จอช ซาร์เจนท์, โจนาธาน โรว์, แดนนี่ บาธ
นักเตะโดนแบน : -
ผลงานในการพบกันของทั้งสองทีม
- 2 มีนาคม 2022 ลิเวอร์พูล ชนะ นอริช ซิตี้ 2-1 (เอฟเอ คัพ)
- 19 กุมภาพันธ์ 2022 ลิเวอร์พูล ชนะ นอริช ซิตี้ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
- 21 กันยายน 2021 นอริช ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 (คาราบาว คัพ)
- 14 สิงหาคม 2021 นอริช ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 (พรีเมียร์ลีก)
- 15 กุมภาพันธ์ 2020 นอริช ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 (พรีเมียร์ลีก)
ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand
