โรมาเนียทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในนัดเปิดสนามศึกยูโร 2024 หลังคว้าชัยเหนือยูเครนขาดลอย 3-0 ทั้งที่ก่อนการแข่งขันพวกเขาถูกวางไว้เป็นรองอยู่พอสมควร
ยิ่งย้อนกลับไปสิบปีที่แล้ว ทีมชาติโรมาเนียห่างไกลจากจุดที่ยืนอยู่มาก วงการฟุตบอลในประเทศเต็มไปด้วยคอรัปชั่น และแม้แต่นักเตะระดับทีมชาติยังขาดความมืออาชีพ นำมาสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ที่พวกเขาใช้เวลา 10 ปี พาโรมาเนียกลับมาเป็นทีมชั้นนำของยุโรปอีกครั้ง
ยุคตกต่ำของโรมาเนีย
เมื่อพูดถึงทีมชาติโรมาเนีย ยุคทองของพวกเขาที่แฟนบอลทั่วโลกจดจำกันได้ดี คือการโลดแล่นบนเวทีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับเมเจอร์อย่างต่อเนื่องในยุค 90s ตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 1990 ถึงฟุตบอลยูโร 2000 ทีมชาติโรมาเนียสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันได้แทบทุกครั้ง พลาดไปแค่ศึกยูโร 1992 เพียงครั้งเดียว ซึ่งผลงานตรงนี้ยืนยันฐานะยอดทีมของยุโรปของพวกเขาในเวลานั้น
น่าเสียดายที่โรมาเนียไม่ต่างจากชาติคอมมิวนิสต์อื่นที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลังการล่มลสายของสหภาพโซเวียต วงการฟุตบอลที่เคยพัฒนาอย่างเป็นระบบจึงเริ่มถดถอยเนื่องจากขาดงบประมาณ
เผลอแปบเดียวยักษ์ใหญ่ของวงการลูกหนังยุโรปตะวันออกเดินเข้าสู่ยุคตกต่ำ โดยนับตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 2010 ถึงรายการยูโร 2020 ทีมชาติโรมาเนียเข้าสู่รอบสุดท้ายทัวร์นาเมนต์เมเจอร์เพียงครั้งเดียวคือฟุตบอลยูโร 2016
ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องบนเวทีนานาชาติของฟุตบอลทีมชาติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับชาวโรมาเนีย เพราะนับตั้งแต่เข้าสู่ยุค 2000s วงการฟุตบอลของประเทศแห่งนี้เต็มไปด้วยการทุจริต มีการติดสินบนเพื่อล็อคผลการแข่งขันในฟุตบอลลีกจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
แถมบาดแผลจากการคอรัปชั่นยังฝังรากลึก เพราะนักเตะชาวโณมาเนียส่วนใหญ่กลายเป็นแข้งไร้วินัย และขาดความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากระบบการแข่งขันที่ปราศจากความเป็นมืออาชีพ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงต้องเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลโรมาเนีย โดยในปี 2014 ราซวาน บูร์เลอานู ชายหนุ่มวัยเพียง 29 ปีถูกเลือกเป็นประธานสมาคมฟุตบอลคนใหม่
หลังเขาปราะกาศจะเข้ามาล้างความสกปรกออกไปจากวงการฟุตบอลโรมาเนีย และด้วยประสบการณ์ของเขาที่คลุกคลีกับฟุตบอลรากหญ้าของประเทศ บูร์เลอานูจึงถูกเลือกเข้ารับตำแหน่ง และยังคงทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ของวงการฟุตบอลโรมาเนียถึงในปัจจุบัน
“เราต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และใครสักคนที่สามารถดำเนินการปฏิรูปวงการฟุตบอลโรมาเนียได้” บูร์เลอานูประกาศคำมั่น ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลโรมาเนีย
ถึงเวลาปฏิรูปวงการ
บูร์เลอานูเริ่มต้นการปฏิรูปวงการฟุตบอลโรมาเนียด้วยการทำให้สมาคมฟุตบอลโปร่งใสอีกครั้ง มีการตั้งหน่วยงานเพื่อปราบปรามการล็อคผลบอลอย่างจริงจัง ตามด้วยการโละบุคลากรรุ่นเก่าที่มีเอี่ยวกับการคอรัปชั่น จนกลายเป็นองค์กรที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่
โดยค่าเฉลี่ยของพนักงานในสมาคมฟุตบอลโรมาเนียชุดปัจจุบันมีอายุไม่ถึง 40 ปี นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มบุคลากรหญิงเข้ามาในองค์กรเป็นสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ ฟุตบอลลีกก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกติการการแข่งขันด้วยเช่นกัน
เพื่อป้องกันให้การล็อคผลบอลเกิดขึ้นได้ยากขึ้น แต่ถึงแม้สมาคมฟุตบอลโรมาเนียชุดใหม่จะทำงานอย่างหนัก ความเชื่อมั่นของแฟนบอลยังคงตกต่ำอยู่นาน พวกเขาต้องทำงานหนักยาวถึงสี่ปีเต็ม จนกระทั่งช่วงปี 2018 ที่บูร์เลอานูถึงกล้าเอ่ยปากว่า เขาสัมผัสได้ถึงเสียงตอบรับที่แตกต่างออกไปของแฟนบอล มันส่งสัญญาณว่าชาวโรมาเนียเริ่มกลับมาเชื่อมั่นวงการฟุตบอลในประเทศอีกครั้ง
เป้าหมายต่อไปของบูร์เลอานูคือการพาทีมชาติโรมาเนียกลับไปเป็นขาประจำของทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อีกครั้ง เขาสั่งให้ทีมงานวิเคราะห์ผู้จัดการทีมทุกคนของสโมสรในโรมาเนีย เพื่อหาใครสักคนที่พวกเขาเชื่อว่าสามารถแสดงผลงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดออกมาบนพื้นสนาม ผลลัพธ์คือพวกได้ชื่อของเอ็ดเวิร์ด ยอร์ดาเนสคู อดีตกุนซือของสเตอัว บูคาเรสต์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 2022
ทันทีที่ยอร์ดาเนสคูเข้ามาสู่แคมป์ทีมชาติ เขาประกาศคำสั่งปฏิรูปแนวคิดของนักฟุตบอลทั้งหมดในแคมป์ทีมชาติ เพราะนักเตะในทีมส่วนใหญ่ไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่เมื่อสวมเสื้อทีมชาติโรมาเนีย
ยอร์ดาเนสคูเปิดเผยว่านักเตะเหล่านี้ราวกับมีมะเร็งร้ายคอยกัดกินพวกเขาอยู่ข้างไหน เพราะทัศนคติของนักเตะโรมาเนียผิดไปเสียหมด ทั้งขาดความเป็นมืออาชีพ และสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ยอร์ดาเนสคูรู้ได้ทันทีว่า เขาต้องนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่ทีมชาติโรมาเนียอีกครั้ง
เรียกความภูมิใจกลับคืนมา
สิ่งหนึ่งยอร์ดาเนสคูมีเสมอนับตั้งแต่เข้ามารับงานผู้จัดการทีมชาติ คือความเชื่อมั่นในตัวนักเตะและศักยภาพของวงการฟุตบอลโรมาเนีย ประการแรกคือเขามองว่านักเตะเหล่านี้มีปัญหาเรื่องทัศนคติจริง แต่ทักษะส่วนตัวของแข้งโรมาเนียไม่เป้นสองรองใคร อีกประการคือหากย้อนไปในยุครุ่งเรือง โรมาเนียถือเป็นประเทศที่มีการพัฒนากีฬาฟุตบอลอย่างจริงจัง และมีความเป็นมืออาชีพ
หากสามารถพัฒนาวงการฟุตบอลในประเทศให้มีความแข็งแรงขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของทีมชาติย่อมตามมาในภายหลัง ยอร์ดาเนสคูสนับนุนให้ยอดทีมในประเทศ ทั้ง สเตอัว บูคาเรสต์, ดินาโม บูคาเรสต์ และไครโอวา แข่งขันกันดุเดือดมากกว่านี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพนักเตะในลีกโรมาเนีย ซึ่งผลลัพธ์จะนำมาสู่การแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเตะที่ดีที่สุดเข้าสู่ทีมชาติโรมาเนีย
สไตล์ของยอร์ดาเนสคูคือผู้จัดการทีมที่ให้ความสำคัญเรื่องรายละเอียด เขาจึงเป็นกุนซือที่ใกล้ชิดกับนักเตะในทีมมากว่าปกติ เขารู้ดีว่าการพัฒนานักเตะในโรมาเนียช้ากว่าหลายประเทศในยุโรป ที่นี่เป็นรองทั้งด้านเทคโนโลยี, การบริหารจัดการ และองค์ความรู้
สิ่งเดียวที่ยอร์ดาเนสคูมองว่าโรมาเนียพอจะสู้ได้ คือการมอบความมั่นใจให้แก่ลูกทีมของเขา ยอร์ดาเนสคูย้ำกับนักเตะเสมอว่าพวกเขาคือนักเตะที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมไม่เป็นรองใครในยุโรป เพียงแค่ก่อนหน้านี้ไม่มีโค้ชที่ดีพอจะคอยบอกพวกเขาว่าต้องทำอย่างไรกับความสามารถที่มีในตัว
ยอร์ดาเนสคูนำแทคติกฟุตบอลที่ได้เรียนรู้จากสองกุนซือชาวอิตาลีอย่าง โรแบร์โต เด แซร์บี และลูเซียโน สปัลเล็ตติ เข้ามาปรับใช้กับทีมชาติโรมาเนีย ส่งผลให้พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกโดยไม่แพ้ใคร และเปิดตัวอย่างสวยงามในนัดเปิดสนามของยูโร 2024 ด้วยการถล่มยูเครน 3-0
หากนับจากช่วงเวลาที่การปฏิรูปวงการฟุตบอลยูเครนหลังยอร์ดาเนสคูเข้ามารับตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอล พวกเขาใช้เวลาราว 10 ปี เปลี่ยนวงการที่เคยเต็มไปด้วยการทุจริต กลับมาเป็นทีมฟุตบอลที่ชาวโรมาเนียสามารถภาคภูมิใจได้อีกครั้ง นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา และศึกยูโร 2024 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
รับเครดิตฟรี ยูโร ที่ M88 คลิก!
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand