ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ เคยเกิดประตูสุดสวยมาแล้วหลายต่อหลายลูก ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่งของ ลิโอเนล เมสซี ปี 2009, ลูกพักอกวอลเลย์ของ มาริโอ มานด์ซูคิช ปี 2017 หรือจะเป็นลูกจักรยานอากาศของ แกเร็ธ เบล เมื่อปี 2018
แต่อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งประตูที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลยุคต้น 2000 นั่นก็คือลูกฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายของ ซีเนดีน ซีดาน ในนัดชิงชนะเลิศปี 2002 ที่ส่งให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 9 ได้อย่างยิ่งใหญ่
เรื่องราวในวันนั้นเป็นเช่นไร? ร่วมย้อนอดีตกับพวกเราได้ที่นี่
ประตูสู่แชมป์ยุโรปสมัยที่ 9
ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2001-02 เรอัล มาดริด ในยุคเริ่มต้นของ “กาลาติกอส” ที่มีบรรดาผู้เล่นอย่าง ราอูล กอนซาเลซ, หลุยส์ ฟิโก้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ ซีเนดีน ซีดาน ต้องโคจรมาพบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ตัวแทนจากเยอรมัน
ซึ่งทัพห้างขายยาชุดนั้นก็ไม่ธรรมดา พวกเขาล้มยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบน็อคเอาท์ เข้าชิงชนะเลิศได้แบบเหนือความคาดหมาย โดยมี ฮันส์ จอร์ก บุตต์, ลูซิโอ, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ มิชาเอล บัลลัค เป็นตัวชูโรง
เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน นาทีที่ 8 เรอัล มาดริด ก็ได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงของ ราอูล กอนซาเลซ แต่อย่างไรก็ตาม อีกเพียงแค่ 6 นาทีต่อมา ลูซิโอ ก็โหม่งให้ห้างขายยาตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 14
ในครึ่งแรกทำท่าว่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่แล้วนาทีที่ 45 เกมนี้ก็เกิดซีนประวัติศาสตร์เมื่อ โรแบร์โต้ คาร์ลอส รับบอลจาก ซานติอาโก้ โซลารี ก่อนกระดกบอลมาบริเวณหัวกระโหลกที่มี ซีเนดีน ซีดาน ยืนอยู่คนเดียว
ก่อนที่ทันใดนั้นเพลย์เมกเกอร์ฝรั่งเศสจะทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยการเอี่ยวตัววอลเลย์ด้วยซ้ายแบบไม่จับ ส่งบอลไปสู่ก้นตาข่ายแบบสวยงาย ทำเอาเสียงเฮของแฟนบอลราชันชุดขาวดังกระฮึ่มทั่วทั้งสนามแฮมป์เดน พาร์ค และกลายเป็นประตูชัยที่ส่งให้ เรอัล มาดริด คว้ายุโรปสมัยที่ 9 มาครอบครอง
หลังจบเกม ซีเนดีน ซีดาน ที่สวมบทบาทฮีโร่ให้กับทีมได้ให้สัมภาษณ์กับ MARCA ว่าเขารู้ได้ทันทีว่าลูกนี้จะเป็นประตูอย่างแน่นอน เมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับลูกฟุตบอล
“ผมรู้ว่ามันจะเป็นประตูทันทีที่บอลออกจากเท้า ผมรู้ว่าลูกครอสของ โรแบร์โต คาร์ลอส จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน” ซีเนดีน ซีดาน กล่าวกับ MARCA ในค่ำคืนแห่งความทรงจำที่กลาสโกว์
“ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันมากนัก มันเป็นประตูที่ยอดเยี่ยม มันเป็นสัญชาตญาณทั้งหมดของผม แต่สิ่งสำคัญที่สุดเราคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกก็แค่นั้น”
ด้าน บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือของ เรอัล มาดริด ในเวลานั้น ที่เห็นลูกยิงของ ซีเนดีน ซีดาน ด้วยตาเปล่า ก็ออกมายกย่องถึงประตูนี้ว่ามันงดงามราวกับเป็นงานศิลปะ
“ประตูนั้นของซีดานมันคืองานศิลปะ มันคือสุนทรียศาสตร์ที่บริสุทธิ์ และบางสิ่งบางอย่างที่เป็นธรรมชาติที่น่าทึ่งซึ่งหาได้ยากในฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศ”
ไม่นานหลังจากที่ ซีเนดีน ซีดาน ซัดประตูประวัติศาสตร์ MARCA สื่อชื่อดังแดนกระทิงดุ ก็ได้ไหว้วานศิลปินชื่อดังให้วาดรูปจังหวะดังกล่าวด้วยพู่กันเพื่อเป็นการให้เกียรติที่นำพาความสำเร็จสู่ประเทศ
ก่อนที่วันที่ 10 มกราคม 2003 ภาพดังกล่าวจะถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ณ สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว โดยมี ซีเนดีน ซีดาน และเพื่อนร่วมทีมเป็นสักขีพยาน
แม้ว่าปัจจุบัน ประตูนั้นของ ซีเนดีน ซีดาน จะผ่านมาแล้ว 22 ปี แต่อย่างไรก็ดี ประตูนี้ยังคงถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบไม่มีวันจบ
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand
