เมื่อเดือนมกราคม 2021 ไบรท์ตันตัดสินใจคว้า มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางชาวเอกวาดอร์มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 4 ล้านปอนด์ ก่อนที่อีกราวๆ 2 ปีต่อมา พวกเขาขายมิดฟิลด์วัย 21 ปีรายนี้ไปให้เชลซีด้วยค่าตัวถึง 115 ล้านปอนด์ หรือถ้าคิดแบบง่ายๆ ก็คือพวกเขาได้กำไรจากดีลนี้ถึงมากกว่า 28 เท่า
มอยเซส ไกเซโด้ ไม่ใช่นักเตะรายแรกที่ไบรท์ตันทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายให้สโมสรใหญ่ พวกเขาเคยทำดีลลักษณะคล้ายๆ กันนี้มาแล้วกับ อีฟส์ บิสซูมา ที่ย้ายไปอยู่สเปอร์ส รวมถึงอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ขายไปให้ลิเวอร์พูล และมีแนวโน้มสูงมากที่จะไม่ใช่รายสุดท้าย เมื่อดูจากขุมกำลังที่พวกเขามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคาโอรุ มิโตมะ ปีกจอมเลื้อยทีมชาติญี่ปุ่น หรืออีแวน เฟอร์กูสัน กองหน้าวัย 18 ปี ที่หลายสโมสรในยุโรปกำลังจับจ้องตาเป็นมัน
แล้วอะไรทำให้ไบรท์ตันเป็นทีมที่ซื้อนักเตะแบบถูกและดีชนิดที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้? หาคำตอบไปพร้อม The Sporting News ที่นี่
ทำไมไบรท์ตันจึงซื้อนักเตะได้ถูกและดีแบบที่ไม่มีใครเหมือน?
ใช้ฐานข้อมูลและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยกว่าทีมอื่น
ความลับสำคัญในการซื้อนักเตะแบบถูกและดีของไบรท์ตันคือ พวกเขามีฐานข้อมูลและเทคโนโลยีในการเฟ้นหานักเตะที่มีศักยภาพสูงได้ดีกว่าสโมสรอื่นๆ ตามรายงานจาก The Athletic
โทนี บลูม เจ้าของทีมและประธานสโมสรไบรท์ตัน อยู่ในธุรกิจพนันมาอย่างยาวนาน ทำให้เขามีซอฟต์แวร์พิเศษเฉพาะตัวที่ทีมอื่นลอกเลียนแบบไม่ได้ อัลกอริธึมของระบบนี้เป็นความลับสำคัญ ที่แม้แต่คนที่อยู่ภายในสโมสรเองก็ไม่มีใครล่วงรู้
ไบรท์ตันใช้ข้อมูลจาก Starlizard บริษัทของบลูมเอง ที่เป็นคนเตรียมข้อมูลให้ระบบแมวมองที่คอยเฟ้นหานักเตะตามที่สโมสรต้องการ โดยอ้างอิงจากปัจจัยต่างๆ ทั้งสถิติในสนาม, อายุ และเวลาในการลงสนาม
ระบบดังกล่าวจะคัดกรองนักเตะออกโดยใช้ลักษณะเดียวกับสัญญาณไฟจราจร คือ สีเขียวหมายถึงเหมาะสมกับสโมสรอย่างยิ่ง, สีเหลืองหมายถึงมีความใกล้เคียงกับที่สโมสรต้องการ และสีแดงคือกลุ่มที่ยังต้องจับตามองต่อไป
ใช้แมวมองแบบเฉพาะตำแหน่ง มากกว่าจะเจาะจงตามภูมิภาค
หลังจากได้รายชื่อนักเตะที่ต้องจับตามองมาแล้ว พวกเขาก็จะส่งแมวมองไปดูฝีเท้าของนักเตะรายนั้นด้วยตาของตัวเอง โดยความพิเศษในระบบแมวมองของไบรท์ตันคือ พวกเขาใช้แมวมองที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษสำหรับนักเตะในแต่ละตำแหน่ง มากกว่าจะใช้วิธีกำหนดเอาตามภูมิภาคเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา
ไบรท์ตันถือเป็นหนึ่งในสโมสรแรกๆ ที่เลือกใช้แนวทางนี้ โดยพวกเขามองว่านักเตะในบางตำแหน่งจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการจับตามอง อาทิ ในตำแหน่งศูนย์หน้า ซึ่งมีรายละเอียดบางประการแตกต่างจากตำแหน่งอื่นๆ
วางตัวเองเป็นบันไดสู่สโมสรใหญ่
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไบรท์ตันได้เพชรเม็ดงามมากมายเข้ามาอยู่ในมือ คือพวกเขามีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งลงสนาม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับกรณีนี้คือ อีแวน เฟอร์กูสัน ซึ่งนอกจากไบรท์ตันแล้ว ยังมีลิเวอร์พูลอีกสโมสรหนึ่งที่ต้องการตัวเขาเช่นกัน แต่ในขณะที่เฟอร์กูสันอาจต้องไปแย่งโอกาสลงสนามกับผู้เล่นระดับท็อปของโลกในทีมหงส์แดง เขากลับได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในระดับสูงอย่างพรีเมียร์ลีกทันทีกับสโมสรไบรท์ตัน ซึ่งสำหรับผู้เล่นที่อายุยังน้อย การได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอย่อมดีต่อพัฒนาการของตัวเองมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยโมเดลลักษณะนี้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่นักเตะฝีเท้าดีหลายรายโดยเฉพาะจากอเมริกาใต้ มองว่าไบรท์ตันคือบันไดชั้นดีสู่การไปเล่นในสโมสรที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งทางสโมสรเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ติดขัดอะไร หากว่าการซื้อขายในอนาคตทำกำไรให้พวกเขาได้คุ้มค่าและมากพอ
โรแบร์โต เด แซร์บี้ กุนซือไบรท์ตันคนปัจจุบัน ยอมรับว่าการใช้เทคโนโลยีในการเฟ้นหานักเตะแบบนี้เป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับเขา แต่เขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะคุ้นชินกับมัน และยอมรับว่ามีหลายอย่างที่ดีกว่าระบบเดิมแบบที่เคยเป็นมา
“ผมเริ่มชินกับการใช้อัลกอริธึมเป็นอีกวิธีในตลาดนักเตะ และผมก็เริ่มชอบที่จะใช้วิธีนี้” เด แซร์บี้ กล่าว
“ผมไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ผมต้องใช้เวลามากมายในการศึกษานักเตะใหม่ผ่านทางวิดีโอ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันยังมีอีกวิธีในการหานักเตะ"
“ที่ซัสซูโอโล หรือชัคตาร์ มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ผมมีทีมหนึ่งที่คอยให้ชื่อนักเตะผมมา และผมก็ต้องศึกษานักเตะโดยที่ไม่มีตัวเลข ไม่มีข้อมูลเลย มีแต่วิดีโอเท่านั้น”
ไม่มีใครตอบได้ว่าระบบดังกล่าวของไบรท์ตันจะยังประสบความสำเร็จและยั่งยืนต่อไปได้อีกนานแค่ไหน แต่อย่างน้อย ณ วันนี้ เชื่อว่าคงมีหลายสโมสรที่อิจฉาพวกเขาที่มีระบบการเฟ้นหานักเตะที่ทันสมัยและไม่มีใครลอกเลียนแบบได้เช่นนี้อย่างแน่นอน
ร่วมสนุกทายผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่นี่
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand
