แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำอย่างไร? หักเหลี่ยมอาร์เซนอลยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก

Nuttanon Chankwang

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำอย่างไร? หักเหลี่ยมอาร์เซนอลยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก image

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก ก่อนบุกไปเยือนเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่มองถึงความเป็นไปได้มากกว่าความจริง ผลลัพธ์ในเกมกับสเปอร์สคือราคาที่เรือใบสีฟ้าต้องจ่าย แต่ดูเหมือนว่ากวาร์ดิโอล่าจะยังเลือกเดินแนวทางเดิมต่อไป 

การสร้างแทคติกที่แปลกประหลาดของกุนซือชาวสเปนเกือบทำทัพเรือใบสีฟ้าล้มเหลวอีกครั้ง แต่โชคดีที่คราวนี้กวาร์ดิโอลไหวตัวทัน ก่อนแก้เกมอย่างเฉียบขาดในระดับมาสเตอร์ เพื่อพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกชนะ อาร์เซนอล 3-1 และก้าวเป็นจ่าฝูงทีมใหม่ของพรีเมียร์ลีก

เริ่มต้นจากการวางแผนที่ผิดพลาด

เช่นเดียวกับอีกหลายเกมใหญ่ที่ผ่านมาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในระยะหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ปฏิเสธจะส่งลูกทีมโดยลงเล่นด้วยแผน 4-3-3 ที่พวกเขาถนัด แต่กลับใช้แผน 3-4-2-1 ลงสนามแทน เนื่องจากกาวดิโอลาต้องการให้ 4 กองกลางที่ดีที่สุดของทีม ได้แก่ เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน และโรดรี้ ลงสนามไปควบคุมพื้นที่ และเล่นงานแดนกลางของอาร์เซนอลให้มากที่สุด เพื่อสกัดไม่ให้คู่แข่งทำเกมได้ง่าย

Pep Guardiola
Getty Images

แต่เนื่องจากกวาร์ดิโอลาไม่ใช่กุนซือที่ถนัดในแผนกองหลังสามตัว และทีมของเขามักจะเล่นไม่ออกในเกมใดก็ตามที่ผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็คไร้พิษสง ด้วยเหตุนี้ กวาร์ดิโอลาจึงกำหนดให้แบร์นาโดกลายเป็นตัวฟรีที่จะคอยวิ่งไปพื้นที่ว่างในสนาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพื้นที่เกมรับบริเวณด้านซ้าย เพราะกองหลังสามตัวของพวกเขาคือ นาธาน อาเก้ และรูเบน ดิอาส ที่ยืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์ และไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ยืนในตำแหน่งแบ็คขวา เมื่อเล่นเกมรับในรูปแบบกองหลังสี่คน

กวาร์ดิโอลายังระมัดระวังเรื่องการเสียประตูเป็นอย่างมาก เมื่อเขาอนุญาตให้กุนโดกันขยับลงมาเล่นเกมรับเพื่อช่วยเหลือโรดรี้ในการตัดเกมได้อย่างเต็มที่ นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจส่งกองกลางมากถึงสี่คนในเกมนี้ เพราะเมื่อมองยังบทบาทของแบร์นาโด และกุนโดกัน ทั้งสองต่างต้องมีส่วนทั้งเกมรุกและรับ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กวาร์ดิโอลาเลือกใช้กองกลางให้มากที่สุดในเกมนี้ เพื่อบาลานซ์การเล่นของทีมให้มีความลื่นไหลต่อเนื่องมากที่สุด

ความยืดหยุ่นในตำแหน่งการเล่นของนักเตะในทีม จึงกลายเป็นปรัชญาสำคัญในแทคติกเกมนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะเกมรุกที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดตะเกิดขึ้นเมื่อนักเตะเคลื่อนที่อย่างอิสระ เรากำลังเห็นได้ชัดว่ากวาร์ดิโอลาอยากก้าวผ่านกรอบของติกิ-ตาก้า เพื่อสร้างระบบโททัล ฟุตบอล ของตัวเองขึ้นมา

เกมนี้เองไม่ใช่ข้อยกเว้นจากกรณีนั้น เพราะเมื่อมองไปยังแทคติก 3-4-2-1 ที่ลงเล่นในเกมนี้ เห็นได้ชัดว่ากวาร์ดิโอลามีความต้องการที่จะสร้างแผนที่ครบเครื่องมากที่สุด เพราะตามความคิดของเขา นี่จะเป็นแทคติกที่สามารถทำลายเกมของอาร์เซนอล, สร้างเกมของตัวเองอย่างรวดเร็ว และยังสามารถป้องกันเกมรุกคู่แข่งได้พร้อมกัน แต่จากผลลัพธ์ในหลายเกมก่อนหน้า หรือแม้แต่เกมนี้เอง นี่เป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่าแนวคิดของกวาร์ดิโอล่ายังคงไม่ได้ผล

จุดอ่อนสำคัญของกวาร์ดิโอลาเมื่อเขาคิดจะแก้แทคติกเพื่อเอาชนะคู่แข่ง คือในหัวของเขาจะเต็มไปด้วยภาพการเล่นงานคู่ต่อสู้ แต่ไม่เคยมองในรายละเอียดของการเล่นเกมรับป้องกันคู่ต่อสู้เลย ซึ่งถ้าหากมองในความเป็นจริงแบบไม่ต้องคิดมา การเลือกแบร์นาโด ซิลวา เข้ามารับบทบาทแบ็คซ้ายจำเป็น เพื่อรับมือกับเกมรุกของอาร์เซนอล ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่เข้าท่ามาตั้งแต่ต้นแล้ว

Getty Images

เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เกมรับด้านซ้ายจึงกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยสองตัวรุกคนสำคัญของเจ้าถิ่น ทั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด และบูกาโย ซากา ต่างเลือกโจมตีทัพเรือใบสีฟ้าผ่านจุดอ่อนในเกมรับฝั่งซ้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้สุดท้ายแล้ว ทัพเรือใบสีฟ้าจะไม่ได้เสียประตูจากความผิดพลาดของเกมรับด้านซ้าย แต่ผลลัพธ์ 1-1 กับรูปเกมที่ท้ายที่สุดอาร์เซนอลเป็นฝ่ายทำค่าความเป็นไปได้ในการทำประตูหรือ xG ได้เยอะกว่า

เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแก้ไขแทคติกของเขาในครึ่งหลัง ไม่เช่นนั้นจะเผชิญกับความพ่ายแพ้เหมือนในเกมกับท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ก่อนหน้านี้

แก้ไขปัญหาด้วยแผนลับ 4-2-4

หลังการแข่งขันผ่านไป 60 นาที เป๊ป กวาร์ดิโอลา เริ่มตระหนักได้แล้วว่าแผนการที่เขาวางไว้ตั้งแต่ต้นเกมไม่ได้ผล เพราะนอกจากองกลางสี่ตัวของเขาจะไม่สามารถทำลายการสร้างสรรค์เกมของอาร์เซนอลได้ เกมรับยังมีปัญหาเนื่องจากขาดแบ็คซ้ายอาชีพอีก นั่นจึงทำให้ในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของเกม กวาร์ดิโอลาเลือกจะเปลี่ยนมาเล่นแผนกองหลัง 4 ตัว ด้วยการส่งมานูเอล อาคานยี่ แทน ริยาด มาห์เรซ

เมื่อ นาธาน อาเก้ ขยับไปเล่นแบ็คซ้ายตามปกติ ปัญหาเรื่องเกมรับของแมนเชสเตอร์ ซิตี้จึงหมดไป อย่างไรก็ตาม ความสงสัยเรื่องการเล่นเกมรุกของพวกเขายังคงอยู่ เพราะหลังจากเปลี่ยนมาห์เรซออกไปแต่ไม่ได้นำผู้เล่นตัวรุกคนใหม่เข้ามา นั่นหมายความว่า กวาร์ดิโอล่าจะต้องแก้ไขเกมรุกด้วยผู้เล่นที่มีในสนามอยู่เดิมแล้วเท่านั้น

แผนการที่ผู้คนสงสัยของกวาร์ดิโอลาคือแผน 4-2-4 โดยแนวรุกจะยืนเรียงเหมือนแผนหน้ากระดานสี่คน ได้แก่ แจ็ค กรีลิช, เออร์ลิง ฮาลันด์, เควิน เดอ บรอยน์ และแบร์นาโด ซิลวา เรียงจากซ้ายไปขวาตามลำดับ โดยกุญแจสำคัญของแผนนี้คือการวิ่งสลับไลน์ระหว่างเดอ บรอยน์ และแบร์นาโด ซึ่งอาวุธตรงนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด

Getty Images

เพราะย้อนกลับไปยังฤดูกาลที่แล้ว แผน 4-2-4 ถือเป็นอาวุธลับของทัพเรือใบสีฟ้ามาตลอด โดยแบร์นาโดจะรับบทบาทเป็นกองหน้าตัวเป้าของทีม แต่เมื่อลงสนามจริง เขากลับถอยลงมาต่ำเพื่อคอยเชื่อมเกม และเปิดพื้นที่ให้กองหน้าตัวต่ำอย่างเควิน เดอ บรอยน์ สอดเข้ามาทำประตู

แผน 4-2-4 คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเดอ บรอยน์ ประสบความสำเร็จมากในฤดูกาลที่แล้ว เนื่องจากการโจมตีในรูปแบบนี้ คือการโจมตีใส่พื้นที่ว่างโล่งที่สร้างค่าความเป็นไปได้ในการทำประตู หรือ xG สูง อันถือเป็นการเข้าทำทีเด็ดในยุคที่พวกเขาขาดกองหน้าตัวเป้า แต่หลังจากฮาลันด์ย้ายเข้าสู่ทีมในฤดูกาลล่าสุด กวาร์ดิโอลาจึงปฏิเสธที่จะใช้แผนนี้บ่อยครั้ง เพราะรูปแบบการเล่นของฮาลันด์ไม่เหมาะสมกับการเล่นเป็นกองหน้าตัวหลอกเหมือนในรูปแบบที่แบร์นาโดทำ

โชคดีที่กวาร์ดิโอลาใช้เวลาตลอด 60 นาทีในเกมนี้จนมองเห็นแล้วว่า การวิ่งพยายามทะลุแนวรับอาร์เซนอลไม่ใช่การโจมตีที่ได้ผล เพราะกองหลังอาร์เซนอลต่างพากันประกบฮาลันด์อย่างเหนี่ยวแน่ กวาร์ดิโอลาจึงเลือกใช้แผน 4-2-4 เพื่อให้แนวรุกของพวกเขาเล่นฟุตบอลร่วมกันในพื้นที่แคบ โดย ฮาลันด์ จะถอยลงมาเข้าใกล้เดอ บรอยน์ มากขึ้น ขณะที่กุนโดกันยังคงยืนรอด้านหลังแนวรุกทั้งสี่ เพื่อเป็นตัวลื่นไหลสามารถช่วยเกมรุก-รับได้ตามจังหวะเกม

สรุปการแก้เกมของกาวดิโอลาคือ เขาตัดสินใจให้แนวรุกของทีมเล่นกันในพื้นที่แคบ เพื่อทำลายแผนประกบตัวต่อตัวของกองหลังอาร์เซนอล เนื่องจากการโจมตีหลังจากนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นการโจมตีใส่พื้นที่ว่าง ส่งผลให้อาร์เซนอลต้องเปลี่ยนไปเล่นเกมรับแบบคุมโซนเพื่อป้องกันพื้นที่ซึ่งกำลังจะถูกโจมตี และความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เองที่ทำให้จุดอ่อนของอาร์เซนอลถูกเปิดเผยออกมา

เมื่อเกมรับคือการโจมตีที่ดีที่สุด

การขยับผู้เล่นแนวรุกให้มาเล่นในพื้นที่แคบใกล้เคียงกันไม่เพียงส่งผลดีต่อเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ยังส่งผลดีต่อเกมรับของพวกเขาเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าปรัชญาฟุตบอลของมิเกล อาร์เตตา ไม่แตกต่างจากปรัชญาของกวาร์ดิโอลา อาร์เซนอลจะต้องตั้งเกมจากแผงหลัง และอย่างที่แฟนบอลทุกคนรู้กันดีว่า การสร้างเกมจากผู้เล่นแนวรับมีวิธีการโต้กลับที่ง่ายดาย คือการเพรสซิ่งอย่างหนักจากผู้เล่นเกมรุกฝ่ายตรงข้าม

เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนแผนการเล่นเป็น 4-2-4 นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ผู้เล่นเกมรุกมากถึง 4 คน ไล่บี้เกมรับของอาร์เซนอลขณะตั้งเกมอีกด้วย นี่จึงทำให้แนวรับของอาร์เซนอลก่อความผิดพลาด จนนำมาสู่การเสียประตูที่สอง ซึ่งเป็นประตูที่แสดงให้เห็นชัยชนะในการแก้เกมของกวาร์ดิโอลาอย่างหมดจด

ทุกอย่างเริ่มต้นกุญแจสำคัญที่สุดในเกมนี้คือ แบร์นาโด ซิลวา มิดฟิลด์จอมขยันที่ถูกใช้อย่างผิดที่ผิดทางในช่วงต้นเกม ก่อนกลับมาสร้างพิษสงอันคุ้นเคยในตำแหน่งปีกขวาอีกครั้ง โดยนอกจากเขาจะเป็นนักเตะที่เล่นเกมรับได้ดีกว่าคนอื่นแล้ว แบร์นาโดยังสลับตำแหน่งกับเดอ บรอยน์ ได้ดีเหมือนเคย ซึ่งข้อได้เปรียบตรงนี้นำมาสู่การโจมตีอย่างรวดเร็ว หลังซิตี้แย่งบอลคืนจากคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ

Getty Images

ในจังหวะที่พวกเขาได้ประตูที่สอง แบร์นาโดคือนักเตะที่ตัดบอลได้ทางด้านขวาของสนาม ก่อนโจมตีอย่างรวดเร็วในทันที ซึ่งจังหวะนี้เอง นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากถึง 4 คน ได้แก่ เดอ บรอยน์, ฮาลันด์, กุนโดกัน และกรีลิช ต่างวิ่งโจมตีใส่พื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้แนวรับอาร์เซนอลที่ไม่พร้อมจะรับมือกับการโจมตีรวดเร็วแบบนี้ ถึงกับเสียกระบวนอย่างเห็นได้ชัด จนนำมาสู่ความผิดพลาดในที่สุด

สำหรับจังหวะนี้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แบ็คขวาของอาร์เซนอลที่สร้างความผิดพลาดในการเสียประตูแรก เลือกจะสร้างความผิดพลาดอีกครั้ง หลังเขาวิ่งมาประกบฮาลันด์ซึ่งทุกคนคิดว่าจะเป็นเป้าหมาย แต่ลูกบอลกลับเลยผ่านไปยังพื้นที่ว่างทางด้านซ้ายที่กรีลิชสอดเข้ามาโจมตี ด้วยเหตุนี้ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษจึงได้โอกาสยิงแบบไม่กดดันนำมาสู่ประตูขึ้นนำของพวกเขา

ประตูที่สองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือประตูที่ยืนยันให้เห็นว่ากวาร์ดิโอลาสามารถแก้ไขการประกบแบบตัวต่อตัวของอาร์เซนอล และสามารถหาการเข้าทำที่คู่แข่งรับมือไม่ได้ในที่สุด นี่คือสิ่งกวาร์ดิโอลาต้องการมาตลอด เพียงแค่แผน 3-4-2-1 ไม่ใช่รูปแบบการเล่นที่จะดึงการสร้างสรรค์เกมของเดอ บรอยน์ และแบร์นาโด ออกมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะกวาร์ดิโอลาผิดพลาดอะไร เขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเท่านั้นในตอนเริ่มแรก

แต่หลังจากได้สังเกตวิธีการเล่นของอาร์เซนอลอย่างถี่ถ้วน เขาจึงมองออกว่าวิธีการโจมตีที่ดีที่สุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เริ่มต้นจากเกมรุกอันไหลลื่นอย่างที่เขาเข้าใจในตอนแรก แต่การโจมตีที่เริ่มต้นจากเกมรับต่างหากที่เป็นคำตอบของเกมนี้ เพราะอาร์เซนอลใช้เวลายาวนานเพื่อฝึกซ้อมการหยุดเกมรุกอันสร้างสรรค์แต่ใช้เวลาของซิตี้ ดังนั้น เมื่อทัพเรือใบสีฟ้าเลือกจะโจมตีรวดเร็วด้วยเกมสวนกลับ ทัพปืนใหญ่จึงไม่รู้ว่าจะต้องป้องกันอย่างไร

การเสียประตูที่สามของอาร์เซนอลเกิดขึ้นจากสาเหตุที่ไม่แตกต่างจากประตูที่สอง นั่นคือ เกมสวนกลับที่รวดเร็วและแม่นยำ, กองหลังอาร์เซนอลที่ระส่ำทันทีเมื่อเจอปัญหา และการจบสกอร์จากลูกยิงในพื้นที่โล่งกว้างอย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้ คือการแก้เกมอัญชาญฉลาดของกวาร์ดิโอลา จนทำให้อาร์เซนอลถูกลงโทษ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลายเป็นผู้ชนะอย่างสมควรของเกมนี้ในที่สุด

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Nuttanon Chankwang

Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand