แดน แอชเวิร์ธ ผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยอมรับว่าสโมสรต้องเปิดให้มีการขายนักเตะได้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อจำกัดในการใช้จ่ายของทีม
นิวคาสเซิล ใช้เงินไปแล้วมากกว่า 200 ล้านปอนด์ สำหรับการซื้อตัวผู้เล่น นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการของกลุ่มนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบีย ด้วยเม็ดเงินกว่า 305 ล้านปอนด์ เมื่อปีที่แล้ว
แต่แอชเวิร์ธ กล่าวว่า การใช้จ่ายไปกับการเซ็นสัญญานักเตะดังกล่าวนั้น ไม่มีความยั่งยืนกับสโมสร
“คุณไม่สามารถทำอย่างนั้นทุกปีได้” แอชเวิร์ธ กล่าว
“คุณทำอย่างนั้นตลอดไม่ได้ ดังนั้น เราต้องเน้นไปที่การเฟ้นหานักเตะมากพรสวรรค์ ที่โผล่ขึ้นมาใหม่ ยกระดับสถาบันฝึกสอนของเรา และทำให้ผู้เล่นเหล่านั้นไปในเส้นทางที่ควรจะเป็น”
แอชเวิร์ธ ต้องอยู่ดูแลทีมในช่วงตลาดฤดูร้อนที่แสนวุ่นวาย โดยนิวคาสเซิล ได้ทำลายสถิติในการซื้อตัวนักเตะ หลังได้เซ็นสัญญากับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าคนใหม่ของทีม ด้วยค่าตัวกว่า 59 ล้านปอนด์
นอกเหนือจากอิซัคแล้ว พวกเขายังได้ดึงตัว สเวน บอทแมน, แมตต์ ทาร์เกตต์ และ นิก โปป เข้ามาร่วมทีมอีกด้วย
ในเดือนมกราคม พวกเขายังได้เซ็นสัญญากับ บรูโน กิมาไรส์ กองกลางชาวบราซิล และโชว์ฟอร์มกับทีมได้อย่างน่าประทับใจ โดยแอชเวิร์ธ กล่าวชมกิมาไรส์ว่า "กิมาไรส์เป็นผู้เล่นชั้นนำ และเป็นส่วนสำคัญในการเดินทางของพวกเราครั้งนี้"
แอชเวิร์ธได้เน้นย้ำถึงการย้ายทีมของ ซาดิโอ มาเน จากลิเวอร์พูลไปยังบาเยิร์น มิวนิค ว่าเป็นตัวอย่างของสโมสรที่ต้องขายผู้เล่นตัวหลัก เพื่อถ่ายเลือดด้วยนักเตะใหม่
“ผมไม่สามารถโกหกคุณได้ และจะบอกว่าเราไม่ต้องขายผู้เล่น เรายังคงรักษานักเตะระดับแนวหน้าของเราไว้ได้เสมอ” แอชเวิร์ธ กล่าวเสริม
“นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด สำหรับการที่ลิเวอร์พูลขายมาเน บางครั้งคุณต้องตัดสินใจอย่างจริงจังเพื่อให้ทีมก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งเราควรจะทำอย่างนั้น”
“แต่โดยทั่วไปแล้ว ผมว่าเราสามารถรักษาผู้เล่นระดับแนวหน้าของเราไว้ได้ เพื่อให้ทีมขับเคลื่อนไปตามความทะเยอทะยานของเรา ในการเป็นทีมชั้นนำของลีก และมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ”