เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย : ตำนานเอกวาดอร์ผู้ระเบิดฟอร์มในฟุตบอลโลก 2022

Nuttanon Chankwang

เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย : ตำนานเอกวาดอร์ผู้ระเบิดฟอร์มในฟุตบอลโลก 2022 image

เมื่อพูดถึงทีมชาติเอกวาดอร์ ทุกคนต่างมองเห็นตรงกันได้ทันทีว่า พวกเขาไม่ใช่ชาติมหาอำนาจของโลกลูกหนังจากฝั่งอเมริกาใต้ ความแข็งแกร่งที่แตกต่างจากบราซิล และอาร์เจนติน่ามากเกินไป ส่งผลให้ไม่มีใครจะคาดหวังเห็นพวกเขาเป็นแชมป์โลก

ถึงอย่างนั้น เอกวาดอร์ที่เป็นชาติที่แอบเขียนเรื่องราวของตัวเองบนเวทีฟุตบอลโลกมาตลอดช่วง 20 ปีหลัง และนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาคงหนีไม่พ้น เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ดาวยิงสูงสุดของทีมที่เพิ่งซัดสองประตูพาเอกวาดอร์ เอาชนะ กาตาร์ 2-0 ในนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา รวมถึงยิงประตูในเกมพบกับเนเธอร์แลนด์ ทำให้เขายิง 3 ประตูนำเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกในตอนนี้

แต่กว่า วาเลนเซีย จะก้าวมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักเตะที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าบนเวทีพรีเมียร์ลีก นี่จึงเป็นเรื่องราวที่ไม่ง่ายของดาวยิงซึ่งต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาคือกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติเอกวาดอร์ 

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ก่อนจะย้ายมาสร้างชื่อเสียงในลีกยุโรป เส้นทางการค้าแข้งของเอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ดำเนินไปตามลำดับในแบบที่นักเตะชาวเอกวาดอร์คนหนึ่งควรจะเป็น เขาเริ่มต้นจากการค้าแข้งให้กับทีมในบ้านเกิด อย่าง เอเมเล็ค อยู่สี่ฤดูกาล ก่อนย้ายสู่ลีกระดับสูงในเวลาต่อมา

เพียงแต่ปลายทางต่อไปของวาเลนเซียกลับไม่ใช่ยุโรป เนื่องจากผลงานการยิง 33 ประตู จากการลงสนามทุกรายการ 171 นัด กับเอเมเล็ค ยังเป็นผลงานที่โดดเด่นไม่พอจะพาเขาไปค้าแข้งในลีกระดับแถวหน้าของโลก วาเลนเซียจึงต้องย้ายไปค้าแข้งกับ ปาชูก้า ทีมในลีกเม็กซิโก ถือเป็นการเก็บประสบการณ์ไปก่อน

และเป็นช่วงเวลาหนึ่งฤดูกาลในลีกเม็กซิโกนี้เองที่พลิกอาชีพของวาลเนเซียไปตลอดกาล ฟอร์มของเขาร้อนแรงมากในปี 2014 ผ่านผลงานลงเล่นทุกรายการ 25 นัด ยิง 18 ประตู ถึงตรงนี้ เขาจึงกลายเป็นดาวยิงนอกลีกยุโรปที่น่าจับตามากที่สุดคนหนึ่ง 

ยิ่งเมื่อวาเลนเซียทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 ผ่านผลงานการซัดสามประตูให้ทีมชาติเอกวาดอร์ในศึกฟุตบอลโลก 2014 ดาวยิง 25 ปีรายนี้ จึงถูกเสือปืนไวอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทีมอย่างรวดเร็วด้วยค่าตัวราว 12 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญา 5 ปี ในฤดูกาล 2014-15

ความคาดหวังที่แฟนขุนค้อนมีต่อวาเลนเซียถือว่าสูงมากในระยะแรก เพราะผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาในศึกฟุตบอลโลก แสดงให้เห็นว่าวาเลนเซียถือเป็นยอดดาวยิงของโลก … น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ออกมาในทิศทางตรงกันข้าม

Getty Images

ช่วงเวลาของวาเลนเซียกับทีมดังแห่งกรุงลอนดอนเป็นไปอย่างยากลำบาก เริ่มต้นจากตัวเขาเองที่ไม่ได้เตรียมตัวมากพอก่อนย้ายทีม โดยเขาศึกษาเรื่องราวของทัพขุนค้อนผ่านการดูหนังเรื่อง Green Street Hooligans (2005) ส่งผลให้วาเลนเซียแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับเวสต์แฮม หรือความเป็นอยู่ที่ประเทศอังกฤษแม้แต่น้อย 

เมื่อวาเลนเซียเผชิญหน้ากับความยากลำบากตั้งแต่ต้น คงไม่ต้องสงสัยว่าผลงานหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ? เขาโชว์ฟอร์มอย่างน่าผิดหวังตั้งแต่ซีซั่นแรก หลังยิงได้เพียง 4 ประตูในศึกพรีเมียร์ลีก 2014-15 ก่อนจะยิงได้เพิ่มอีกเพียง 4 ลูกในอีกสองฤดูกาลถัดมา

สรุปคือ วาเลนเซียยิงให้กับเวสต์แฮมตลอดการค้าแข้งสามฤดูกาล เพียง 8 ประตู แถมซีซั่นสุดท้ายที่เขามีสัญญากับทัพขุนค้อน วาเลนเซียยังถูกปล่อยไปยืมตัวกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้น่าผิดหวังไม่แพ้กัน ยิงได้เพียง 3 ประตู จากการลงเล่น 21 นัด ในศึกพรีเมียรลีก ฤดูกาล 2016-17

ท้ายที่สุด วาเลนเซียจึงต้องทำใจยอมรับว่าการค้าแข้งบนแผ่นดินอังกฤษของเขาคือความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าบนเส้นทางสายใหม่จำเป็นต้องดำเนินต่อไป ความเปลี่ยนแปลงจึงต้องเกิดขึ้นกับตัวเขาโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เส้นทางของกองหน้าตัวความหวังแห่งทีมชาติเอกวาดอร์ อาจร่วงลงสู่จุดต่ำสุดไวกว่าที่คิด

ประกาศศักดาบนเวทีฟุตบอลโลก

วาเลนเซียตัดสินใจเดินกลับมาค้าแข้งยังที่เม็กซิโกอีกครั้งในฤดูกาล 2017–18 โดยคราวนี้เขาได้ย้ายไปค้าแข้งกับสโมสรใหญ่อย่าง ติเกรส และเมื่อได้กลับมาลงเล่นฟุตบอลในบรรยากาศที่คุ้นเคย วาเลนเซียจึงกลับมามีความมั่นใจมากขึ้นอีกครั้ง 

ส่งผลให้ตลอดสามปีที่เขาค้าแข้งกับติเกรส วาเลนเซียทำประตูช่วยทีมได้มากถึง 34 ประตู จากการลงสนาม 118 นัดในทุกรายการ แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ติดมือได้มากมาย ทั้ง แชมป์ลีกเม็กซิโกในฤดูกาล 2017–18 และ 2018-19 รวมถึง แชมป์กัมเปโอเนส คัพ ในฤดูกาล 2018 

ความสำเร็จในลีกเม็กซิโกกลายเป็นใบเบิกทางให้วาเลนเซีย มีโอกาสกลับมาเล่นในยุโรปอีกครั้ง แม้คราวนี้จะไม่ใช่ทีมในลีกใหญ่ระดับท็อป 5 

แต่การเป็นส่วนหนึ่งของ เฟเนร์บาห์เช่ ทีมดังแห่งตุรกีด้วยวัย 33 ปี ถือเป็นการยืนยันว่า วาเลนเซียพัฒนาตัวเองจากนักเตะที่เคยล้มเหลวไม่เป็นท่า ให้กลายเป็นคนสำคัญของสโมสรดังในยุโรปได้อย่างไร 

Enner Valencia

การต่อสู้อย่างยาวนานเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองในลีกยุโรปให้ได้สักวัน จึงกลายเป็นช่วงเวลาที่แสดงถึงศักยภาพ และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของนักเตะรายนี้ ความจริงตรงนี้ส่งผลให้ เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ยังคงเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติเอกวาดอร์ตลอดมา ไม่ว่าฟอร์มในระดับสโมสรของเขาจะเป็นอย่างไร

โดยนับตั้งแต่ที่เขาทีมชาติครั้งแรกคือในช่วงปี 2012 วาเลนเซีย กลายเป็นตัวหลักของทีมชาติเอกวาดอร์นับจากนั้น เริ่มต้นด้วยผลงานเด่นคือ การยิงสามประตูในศึกฟุตบอลโลก 2014 

นั่นจึงทำให้เขาทำผลงานเทียบเคียงดาวยิงรุ่นพี่ อกุสติน เดลเกโด้ ที่เคยซัดสามประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เพียงแต่ผลงานของวาเลนเซียจะโดดเด่นกว่ามาก เพราะเขายิงสามประตูในทัวร์นาเมนต์เดียว แต่เดลเกโด้ต้องใช้เวลาในฟุตบอลโลก 2002 และ 2006 จึงจะยิงครบสามประตู

เพียงเท่านี้ แฟนบอลเอกวาดอร์ย่อมพากันเชื่อไปแล้วว่า วาเลนเซีย อาจเป็นศูนย์หน้าที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมีมา ซึ่งผลงานหลังจากนั้นในสีเสื้อทีมชาติเอกวาดอร์ของวาเลนเซีย ถือเป็นเครื่องยืนยันความเชื่อของแฟนบอลเหล่านั้นจริง ๆ

เพราะนอกจากวาเลนเซียจะยิงสามประตูในฟุตบอลโลก 2014 แล้ว เขายังยิงประตูรวมทั้งหมด 10 ประตูในปีดังกล่าว ก่อนจะยิงบนเวทีทีมชาติอีก 6 ประตู ในปี 2016 และ 2018 ตามลำดับ สถิติตรงนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า วาเลนเซียไม่เคยแผ่วในสีเสื้อทีมชาติ และยังคงเป็นตัวหลักของเอกวาดอร์ได้เสมอ

น่าเสียดายที่ทีมชาติเอกวาดอร์ไม่สามารถผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2018 ได้ ไม่อย่างนั้นผลงานการยิงประตูของวาเลนเซียในปีดังกล่าว คงมากกว่า 6 ประตูแน่ … แต่ไม่ว่าโอกาสตรงนั้นจะน่าเสียดายแค่ไหน 

เรื่องนี้ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่วาเลนเซีย สามารถก้าวข้ามผลงานของเดลกาโด้อย่างหมดจด และประกาศตัวเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติเอกวาดอร์ ผ่านผลงานการทำประตู 35 ลูกในสีเสื้อทีมชาติ ถือเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของพวกเขา และจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป ตราบใดที่วาเลนเซียยังค้าแข้งให้ทีมชาติเอกวาดอร์

Getty

กองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติเอกวาดอร์

โอกาสสร้างจำนวนการทำประตูให้เพิ่มสูงขึ้นไปของวาเลนเซีย เปิดกว้างอย่างมากในฟุตบอลโลก 2022 แม้พวกเขาจะต้องเจองานหนักตั้งแต่นัดแรก คือการพบกับเจ้าภาพอย่าง กาตาร์ ในเกมนัดเปิดสนาม 

แต่เมื่อเสียงนกหวีดเริ่มต้นขึ้น แฟนบอลทั่วโลกต่างมองเห็นได้ทันทีถึงคุณภาพที่แตกต่างกันมากเกินไปของทั้งสองทีม นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่วาเลนเซีย จะส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นาทีที่ 3 ของการแข่งขัน

และถึงแม้ประตูดังกล่าวจะถูกยึดคืนเนื่องจากคำตัดสินของ VAR ที่มองเป็นลูกล้ำหน้า แต่ผลงานของวาเลนเซียในเกมกับกาตาร์ กลายเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าทำไมเขาถึงเคยซัดสามประตูในฟุตบอลโลกหนเดียวมาแล้ว

Enner Valencia of Ecuador disallowed goal vs Qatar
Getty Images

เพราะวาเลนเซียกลับมาทำสองประตูรวดให้กับทีมชาติเอกวาดอร์ ในนาที 16 และ 31 ของการแข่งขัน ผลงานที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้วาเลนเซียกลายเป็นนักเตะคนแรกของเอกวาดอร์ที่ยิงประตูถึง 5 ลูกในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แถมยังเป็นการซัดห้าประตูต่อเนื่องโดยไม่มีแข้งเอกวาดอร์รายอื่นมาคั่นกลาง

นี่คงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่า วาเลนเซีย สำคัญมากแค่ไหนต่อทีมชาติเอกวาดอร์ เพราะเราสามารถกล่าวอย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า ผลงานประวัติศาสตร์ที่เอกวาดอร์กลายเป็นชาติแรกซึ่งสามารถเอาชนะชาติเจ้าภาพในนัดเปิดสนามฟุตบอลโลกได้ มีสาเหตุมาจากฝีเท้าวาเลนเซียแทบทั้งสิ้น

ถึงจุดนี้ วาเลนเซีย จึงมีผลงานยิงในทีมชาติไปแล้วมากถึง 37 ประตู และอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ หากเอกวาดอร์ยังผลงานร้อนแรงต่อเนื่อง และเมื่อเรามองไปยังสามคะแนนที่ได้มาจากนัดเปิดสนาม 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทีมชาติเอกวาดอร์ต่างฝันถึงการผ่านรอบแบ่งกลุ่ม เพื่อเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขัน อันถือเป็นผลงานที่ล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2014 

นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญให้วาเลนเซียได้แก้ตัว เพื่อพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นว่า เขาไม่ใช่เพียงดาวยิงตัวความหวังของทีมชาติเอกวาดอร์ แต่จะเป็นกองหน้าที่ทุกคนจะจดจำไม่ลืมเมื่อนึกถึงฟุตบอลโลก 2022 ผ่านผลงานระดับประวัติศาสตร์ที่เขาเริ่มต้นจารึก ตั้งแต่วันเปิดสนามของฟุตบอลโลกหนนี้

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Nuttanon Chankwang

Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand