เริ่มต้นจากเถ้าถ่าน: ทีมชาติมอนต์เซอร์รัตฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ภูเขาไฟระเบิด สู่ทีมที่เฉียดเข้ารอบสุดท้ายคอนคาเคฟ โกลด์คัพได้อย่างไร

Ong-art Suwannames

เริ่มต้นจากเถ้าถ่าน: ทีมชาติมอนต์เซอร์รัตฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ภูเขาไฟระเบิด สู่ทีมที่เฉียดเข้ารอบสุดท้ายคอนคาเคฟ โกลด์คัพได้อย่างไร image

 

เดือนกรกฎาคม 1995 ภูเขาไฟซูเฟรียร์ฮิลล์ระเบิด ทั้งเกาะเต็มไปด้วยฝุ่นก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ พลีมัธ เมืองหลวงของเกาะกลายเป็นเมืองร้าง

อีก 5 ปีต่อมาเกิดภูเขาไฟระเบิดซ้ำอีก ทำให้ประชากร 2 ใน 3 ของเกาะจากจำนวนประชากร 11,500 คนต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น

จากการระเบิด 2 ครั้งซ้อนในรอบ 5 ปี ทำให้ภาพจำของมอนเซอร์รัตในฐานะเกาะสวรรค์กลางทะเลแคริบเบียนหายไป กลายเป็นสถานที่สังเกตการณ์ภูเขาไฟระเบิด

มอนต์เซอร์รัตเป็น 1 ใน 14 ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษเช่นเดียวกันกับยิบรอลตาร์และหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ มีประชากร 4,500 คนอาศัยอยู่ในอังกฤษ โดยเฮพาะอย่างยิ่งในลอนดอนและเบอร์มิงแฮม

แม้จะต้องระวังจากภัยธรรมชาติที่ไม่มีกำหนดว่าจะมาเมื่อไหร่ แต่ทีมฟุตบอลของมอนเซอร์รัตพร้อมสู้ต่อไปโดยใช้ผู้เล่นในอังกฤษที่มีต้นตระกูลจากเกาะนี้

บ๊วยฟีฟ่าและ The Other Final

ทีมชาติมอนต์เซอร์รัตลงเล่นฟุตบอลนัดแรกในปี 1991 และเป็นสมาชิกฟีฟ่าในอีก 5 ปีต่อมา กลายเป็นทีมที่อยู่อันดับสุดท้ายจากการจัดลำดับของฟีฟ่า (อันดับ 206 ในปี 2011-12)

ครั้งหนึ่งในปี 2002 ทีมงานจากเนเธอร์แลนด์เชิญชวนทีมชาติมอนเซอร์รัตเตะนัดกระชับมิตรกับทีมชาติภูฏานที่ประเทศภูฏาน เนื่องจาก 2 ทีมนี้จากเป็นทีมลำดับสุดท้ายของฟีฟ่า การแข่งขันจัดตรงกับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเหตุการณ์นี้กลายเป็นภาพยนตร์สารคดีเรียกว่า “The Other Final” และเป็นภูฏานเจ้าบ้านชนะไป 4-0

นับตั้งแต่ปี 1991-2012 พวกเขาชนะได้เพียง 2 จาก 27 นัด โดยชัยชนะทั้งสองนัดเกิดกับทีมชาติแองกวิลล่า ที่มีอันดับดีกว่าทีมชาติซานมาริโน่

ในเดือนมีนาคม 2004 มอนต์เซอร์รัตได้เล่นเกมเหย้านัดแรกในบ้านของตนเองหลังเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด โดยเป็นเกมฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือกและแพ้ทีมชาติเบอร์มิวดาไป 0-4

หลังจากนั้นฟุตบอลมอนเซอร์รัตก็ไม่ใช่สมันน้อยแห่งแคริบเบียนอีกต่อไป

เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

“แต่ก่อนเราเคยเละเทะกว่านี้ ไม่ถึงกับย่ำแย่ แต่เราไม่มีทั้งเงิน, สิ่งอำนวยความสะดวก เราไม่มีอะไรเลย” อเล็กซ์ ดายเออร์ เจ้าของสถิติติดทีมชาติสูงสุดร่วมที่ 21 นัดกล่าวผ่าน BBC

ดายเออร์วัย 32 ปีลงเล่นให้กับวีลด์สโตน ทีมในลีกระดับ 5 ของอังกฤษ เคยผ่านประสบการณ์การเล่นในสวีเดน, นอร์เวย์ และคูเวตมาแล้ว ปู่และย่าของเขาเติบโตที่มอนเซอร์รัต ตัวเขาติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2011

จากทีมอันดับสุดท้ายของโลก พวกไต่ระดับถึงอันดับที่ 178 ภายในเวลา 1 ทศวรรษ

“เราเริ่มต้นจากไม่มีชุดวอร์ม เรารู้สึกแปลกแยก แต่เราเริ่มต้นจากชาติเล็กๆ แต่ตอนนี้เราเดินทางมาไกลแล้ว และเราเพิ่งได้สปอนเซอร์ที่เข้าใจว่าเราไม่ใช่ทีมที่เล่นฟุตบอลเพื่อชัยชนะ พวกเขาได้เดินทางและได้ใจคนในเกาะอย่างเรา” ดายเออร์กล่าวเสริม

ปัญหาส่วนใหญ่ของมอนเซอร์รัตคือการขาดเกมลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ในปี 2012-2017 พวกเขาลงเล่นแค่ 7 เกมเท่านั้น

ในปี 2018 มีการแข่งขันคอนคาเคฟ เนชันส์ ลีก เพื่อให้ชาติสมาชิกในโซนคอนคาเคฟได้มีเกมลงเล่นและยกระดับมาตรฐานของโซนให้สูงขึ้น

พวกเขาชนะ 8 จาก 18 นัดภายใต้การนำของวิลลี่ โดนาชี่ เฮดโค้ชชาวสก๊อต 

“เป็นเวลาที่ยาวนานมาก บางครั้งเราหาผู้เล่นเชื้อสายมอนเซอร์รัตจาก Football Manager พอได้ชื่อปุ๊บ เราส่งข้อความไปที่เฟซบุ๊กของเขาเลย”

“หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก ที่มีใครสักคนชวนมาติดทีมชาติ แต่หลังจากที่คุยโทรศัพท์กัน และได้อธิบายว่าเราอยู่ที่ไหน มีผู้เล่นกี่คน เราจะไปแข่งทีไหน และเราชนะใครมาบ้าง ผมว่าแจ๋วเลย” แบรดลีย์ วู้ดส์-การ์เนสส์ กองหน้าวัย 36 ปี เล่าถึงประสบการณ์การถูกชวนมาติดทีมชาติผ่านดีน เมสัน เพื่อนร่วมทีม

ไลล์ เทย์เลอร์ กองหน้าของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ได้รับเกียรติให้ทีมชาติครั้งแรกในปี 2015 กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของมอนเซอร์รัตที่ 10 ประตู
แมตตี้ วิลล็อค อดีตกองกลางเยาวชนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พี่ชายของโจ วิลล็อค กองกลางนิวคาสเซิล ติดทีมชาติมอนเซอร์รัตครั้งแรกในปี 2021 

การดึงผู้เล่นชาวอังกฤษที่มีเชื้อสายมอนเซอร์รัตทำให้ทีมชาติมีผลงานที่ดีขึ้น จนเกือบเข้ารอบสุดท้ายคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ 2019 แต่แพ้เอล ซัลวาดอร์แค่ประตูได้เสีย 

“เราอาจจะแพ้ในบางนัด แต่บางนัดเราก็ชนะและทำให้คนในเกาะได้มีความสุขกับทีมที่พวกเขาได้เชียร์ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังอยากติดทีมชาติกับเขาบ้าง”

“เด็กๆ ก่อนหน้านี้ไม่อยากเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้เราผู้เล่นระดับเยาวชนไว้รองรับแล้ว ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จกับฟุตบอลระดับอาชีพหรือไม่ เขาจะภูมิใจที่ได้ลงเล่นให้กับมอนเซอร์รัต” ดายเออร์กล่าว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เกิดที่มอนเซอร์รัต แต่พวกเขาก็พร้อมทุ่มเทเต็มที่ให้มอนเซอร์รัต ที่ที่ทำให้เขารู้จักกับความแข็งแกร่ง

“แม้เราจะเติบโตที่ยุโรป แต่ความเป็นมอนเซอร์รัตอยู่ในดีเอ็นเอของเรา”
“ชาวมอนเซอร์รัตพาทัวร์พื้นที่ที่รอดพ้นจากภูเขาไฟระเบิด อาจจะเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่นี่ ทำให้กลายเป็นชุมชนและผู้คนต่างหันมาดูแลซึ่งกันและกัน” 

“ครั้งหนึ่ง พวกเขามีความสุขเพราะฟุตบอล ถึงแม้เราจะแพ้ แต่เราได้ทำเต็มที่เพื่อพวกเขา”

“หน้าที่ของเราคือเล่นฟุตบอล แต่มีผู้คนนอกสนามที่ช่วยทำให้ทุกคนรู้จักมอนเซอร์รัตในฐานะเกาะที่สวยงาม” ดายเออร์อธิบายถึงความเป็นมอนเซอร์รัตอย่างภาคภูมิใจ

มอนเซอร์รัตเหลือภารกิจในคอนคาเคฟ เนชันส์ ลีก อีก 2 นัด แม้จะชนะเพียงนัดเดียวจากการลงเล่นมาแล้ว 4 นัดและหมดลุ้นเข้ารอบสุดท้ายโกลด์ คัพในปีหน้า แต่พวกเขายังเชื่อว่าทีมชาติกำลังเดินมาถูกทางแล้ว

“เราเริ่มรับรู้มาตรฐานที่เราใกล้จะบรรลุความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่า เราผิดหวังเมื่อเราไม่ได้ทำ”

“ทุกครั้งเราลงสนามในฐานะทีมรองบ่อน เรามีความมั่นใจ เรามีความเย่อหยิ่ง เราเป็นทีมที่ดีและสามารถชนะทีมที่แกร่งกว่านี้ได้”

“คุณมีประสบการณ์ที่ดีและแย่ปะปนกันไป แต่ทุกคนรู้ดีว่าเราอยู่ตรงนี้ได้เพราะอะไรและเรากำลังทำอะไร ซึ่งทุกคนที่อยู่ที่นี่ ล้วนทำเต็มที่เพื่อชาติของเรา” ดายเออร์กล่าวปิดท้าย

Ong-art Suwannames

Ong-art Suwannames Photo

Geek กีฬา ที่มีงานประจำเป็นข้าราชการ