แกเร็ธ เบล และ จอห์น แม็คคาร์ธี่ กลายเป็นสองตัวสำรองทื่ช่วยให้ลอส แองเจลลิส เอฟซี คว้าแชมป์ MLS Cup ไปครองเป็นสมัยแรก
ฟุตบอลเอ็มแอลเอส คัพ รอบชิงชนะเลิศ ณ สนามแบงค์ ออฟ แคลิฟอร์เนีย สเตเดี้ยม แอลเอ เอฟซี แชมป์โซนตะวันตก ได้สิทธิ์เป็นเจ้าบ้านจากการเป็นแชมป์ลีก เปิดบ้านรับ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน แชมป์โซนตะวันออก
Lift it high, boys!#LAFC x #MLSCup pic.twitter.com/Ag0p8rR7mP
— Major League Soccer (@MLS) November 5, 2022
สตีเว่น เชรุนโดโล่ เฮดโค้ชแอล เอ ตัดสินใจดร็อป แกเร็ธ เบล กองหน้าทีมชาติเวลส์ไว้เป็นตัวสำรอง ภายใน 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกัน 2-2 โดยแอลเอได้ประตูจากเคลลีน อคอสต้า นาทีที่ 28 และเฮซุส มูริลโล่ นาทีที่ 83 ส่วนฟฺิลาเดลเฟียได้ประตูจากแดเนียล กัซดาก นาทีที่ 59 และแจ๊ค เอลเลียตนาทีที่ 85
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เบลถูกส่งลงสนามแทนคาร์ลอส เวลาในนาทีที่ 97 เป็นแอลเอที่เหลือผู้เล่น 10 คนเหลือแม็กซิม เครโปไปทำฟาวล์คอรี่ เบิร์กนอกกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ออกจากสนามนาทีที่ 116 และต้องส่งจอห์น แมคคาร์ธีลงมาแทนควาดโว่ โอโปคู ตัวสำรองอีกหนึ่งคน และฟิลาเดลเฟียได้ประตูขึ้นนำจากแจ๊ค เอลเลียตต์นาทีที่ 120+4 เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของแชมป์โซนตะวันออก แต่แล้วกองหน้าทีมชาติเวลส์โหม่งตีเสมอในนาทีที่ 120+8 ทำให้ 120 นาที ต้องตัดสินกันที่ดวลจุดโทษ
ช่วงดวลจุดโทษ เป็นผู้เล่นแอลเอที่ยิงเข้า 3 จาก 4 คน ส่วนแมคคาร์ธีเซฟจุดโทษของฟิลาเดลเฟียได้ถึง 2 ครั้ง นอกนั้นเป็นการยิงข้ามคาน ทำให้แอลเอ เอฟซี ชนะในการดวลจุดโทษ 3-0 หลังเสมอกัน 120 นาที 3-3 ทำให้เอฟซีคว้าแชมป์ MLS Cup ไปครองเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
นอกจากนี้ แอลเอ เอฟซียังเป็นสโมสรที่ 5 ที่คว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งแชมป์ลีกและแชมป์ MLS Cup ต่อจาก ดี.ซี. ยูไนเต็ด (1997,1999), แคนซัส ซิตี้ วิซาร์ดส์ (2000), แอลเอ แกแล็กซี (2002, 2011) และโคลัมบัส ครูว์ (2008)
ส่วนแกเร็ธ เบล ในฤดูกาลนี้ลงเล่นให้แอลเอ เอฟซี ไปแล้ว 13 นัด ยิงได้ 3 ประตู ก่อนร่วมทีมชาติเวลส์ลงเล่นฟุตบอลโลกในเดือนพฤศจิกายนนี้
