เชลซี กับปัญหาโรเตชั่น : พ็อตเตอร์กำลังพาทีมเดินถูกทางหรือไม่ ?

The Sporting News

เชลซี กับปัญหาโรเตชั่น : พ็อตเตอร์กำลังพาทีมเดินถูกทางหรือไม่ ? image

ความพ่ายแพ้ของเชลซี ต่อไบรท์ตัน อัลเบี้ยนฯ ทีมเก่าขอแกรห์ม พอตเตอร์ 1-4 ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่เละเทะมาก ๆ จนเจ้าตัวออกปากว่ายอมรับในความเจ็บปวดครั้งนี้ 

แม้ว่านี่จะเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรก นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งก็ตาม แต่มันก็เกิดคำถามมากมายในตัวพอตเตอร์ว่า สิ่งที่เขาทำถูกต้องแล้วหรือไม่ 

นักเตะดูจะไม่มีความเข้าใจในวิธีการของเขาเลย มีแต่ความสับสน และวุ่นวายภายในทีมจนเกิดข้อผิดพลาดมากมายในแต่ละจังหวะ จนส่งผลถึงประตูที่เกิดขึ้น 

แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดนัดนี้เป็นนัดแรก ความผิดพลาดของเชลซีมีให้เห็นตลอด ซึ่งแฟนบอลเริ่มตั้งคำถามของการทำทีมที่พอตเตอร์ เลือกจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนนักเตะ จนไม่เหลือใครที่ชัดเจน ในฐานะผู้เล่นตัวจริง 

ในแง่หนึ่งการโรเตชั่น เริ่มส่งผลกับความต่อเนื่องของเชลซี พวกเขากลายเป็นทีมที่ดูมีปัญหา และเริ่มถูกมองว่า กำลังเดินไปผิดทางจากที่ควรจะเป็น

การเปลี่ยนแปลงที่บ่อยเกินไป

10 นัดผ่านไปในการคุมทีมของแกรห์ม พอตเตอร์ เขาพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก นั่นถือเป็นสถิติที่ก็ยังสามารถมองได้ในแง่บวก 

Graham Potter Swansea City 2018-19

แต่พอมองไปภายในทีมของเขาแล้ว ยังไม่มีเกมไหนเลยที่พอตเตอร์ใช้ 11 ตัวจริงซ้ำกัน มันเกิดจากการโรเตชั่นของผู้จัดการทีมรายนี้ โดยมาจากทั้งความตั้งใจ และจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นบางคน 

ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการยืน หรือวิธีการในภาพรวมของทีมถูกสับเปลี่ยนอยู่ในหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้เรานึกถึง เคลาดิโอ รานิเอรี่ อดีตผู้จัดการทีมของเชลซีที่คิดมากจนเปลี่ยนในหลาย ๆ จุด ซึ่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนจากที่มันดีอยู่แล้วกลายเป็นพังได้ 

การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ส่งผลชัดเจน เพราะแม้แต่ผังการยืนของผู้เล่นยังเลือกไม่ถูกเลยว่าแบบไหนดีกว่ากันกับทีม จะเล่นกองหลัง 3 คนที่เป็นวิงแบ็ค หรือจะเล่นกองหลัง 4 คน แบบไหนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ากันแน่ 

ด้วยความที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยขนาดนี้ ตำแหน่งการยืนของผู้เล่นก็ได้ถูกเปลี่ยนตามไปด้วยเช่นเดียวกัน นั่นทำให้ผู้เล่นเหมือนต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ เมื่อเริ่มเกมในนัดถัดไป เพราะมันไม่ใช่วิธีการเดิมจากเกมนัดก่อนหน้า ซึ่งเมื่อไม่เข้าใจแผนที่ตัวเองเล่นอย่างเต็มที่ โอกาสผิดพลาดก็มีมากขึ้น

นักเตะขาดความเข้าใจ

รูปแบบการเล่น หรือตัวผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนไปในแทบทุกเกมของพอตเตอร์ ส่งผลถึงความเข้าใจในสนามของนักเตะด้วยเช่นเดียวกัน 

นักเตะหลายคนพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายครั้งจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นส่วนตัว ตามด้วยผลกระทบต่อทีมในภาพรวม 

ถ้าเราจำกันได้ราฮีม สเตอร์ลิงตอนที่ย้ายมาเชลซีแรก ๆ เขาถือเป็นตัวรุกตัวจี๊ดของทีม เด่นที่สุดเลยก็ว่าได้ในเกมรุก แต่เมื่อมาอยู่ในมือพอตเตอร์ เขาได้เป็นตัวจริงทั้งหมด 8 ครั้ง โดยที่ได้เล่นตัวรุก 4 นัด , วิงแบ็ค 4 นัด และอีก 2 นัดเป็นสำรอง 

มันไม่แปลกเลยที่เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งกลับมาได้ง่าย ๆ เพราะว่าการเล่นของเขาถูกเปลี่ยนพื้นที่ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่พอตเตอร์จะจัดลงไป โดยที่ไปมองในรายละเอียดนอกจากการวางเป็นตัวรุกและวิงแบ็คแล้ว ยังมีการสลับฝั่งซ้ายและขวาอยู่ตลอด โดยที่พื้นที่รับผิดชอบต่างกันออกไป 

นั่นส่งผลเสียต่อสเตอร์ลิ่งมาก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเขางัดฟอร์มเก่งกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดแบบนี้ 

นี่เป็นแค่กรณีตัวอย่าง ซึ่งที่คล้ายกันนี้คือการวางผู้เล่นปีกไปเล่นในตำแหน่งวิงแบ็ค ไม่แปลกเช่นกันหากผู้เล่นเหล่านี้จะเล่นออกมาไม่ดี ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่ผู้เล่นเกมรับ 

ล่าสุดหลังตัวผู้เล่นเริ่มบาดเจ็บเยอะขึ้น โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลัง พอตเตอร์เลือกยังเล่นกองหลัง 3 คนต่อไปโดยที่ใช้ คริสเตียน พูลิซิช เล่นแบ็คฝั่งหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งคือสเตอร์ลิง ซึ่งเป็นปีกธรรมชาติทั้งสองคน โดยที่ทั้งคู่จะมีคนคอยซ้อนเกมรับให้อยู่เรื่อย ๆ 

Christian Pulisic of Chelsea
Getty Images

แทนที่พอตเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น เพื่อให้เข้ากับสภาพนักเตะของทีม แต่เลือกนักเตะที่ขาดความเข้าใจมาเล่นในพื้นที่นี้ แล้วไปเพิ่มหน้าที่ให้กับนักเตะคนอื่นแทน เราเห็นข้อผิดพลาดกันมาแล้วในเกมที่พวกเขาชนะซัลซ์บวร์ก 

ก่อนจะมาพังจริง ๆ ในเกมกับไบรท์ตัน เพราะพอตเตอร์ไม่เลือกเปลี่ยนในจุดนี้ ซึ่งเขาน่าจะเห็นชัดที่สุดว่านักเตะเหล่านี้ ไม่เหมาะกับส่วนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว  

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น เพราะหากมองลึกลงไปอีกปัญหาที่มันพร้อมจะเกิดขึ้นมีในแทบทุกตำแหน่งของเชลซี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่บ่อยครั้งของพอตเตอร์นั่นเอง 

เมื่อเปลี่ยนบ่อย นักเตะต้องทำความเข้าใจใหม่ในการเล่น สุดท้ายแล้วผลลัพท์ก็จะคาดเดาไม่ถูกว่าสุดท้ายในเกมวันนั้นจะออกมาดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับนักเตะล้วน ๆ กลับกันหากหาวิธีที่ใช้เจอทีม ก็น่าจะมีความเสถียรมากกว่านี้

งานใหญ่แรกของพอตเตอร์

ปฎิเสธไม่ได้ว่าพอตเตอร์ถือว่าใหม่มาก ๆ กับการคุมทีมใหญ่ การที่เคยคุมทีมไบรท์ตัน วางรากฐานต่าง ๆ ให้กับทีม หรือทำอะไรที่ยอดเยี่ยมนั้น มันห่างไกลจากสายตาแฟนบอลทั่วไป 

เขาอาจแพ้แบบโดนถล่มเละเทะเลยก็ได้ในบางวัน แต่เมื่ออีกวันเขาพาทีมชนะทีมใหญ่ได้คำชมมันจะเข้ามามากมาย 

กลับกันหากคุมทีมใหญ่แบบเชลซี วันที่คุณแพ้ก็จะโดนวิจารณ์มากเป็นพิเศษ ด้วยความที่มันเป็นงานใหญ่แรกของเขา ในตอนนี้มันกลายเป็นว่าเหมือนเขากำลังลองทีมไปเรื่อย ๆจนกว่าจะเจอจุดที่ใช่ 

ทั้งที่สิ่งที่เขาน่าจะควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือการหา 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดก่อนที่จะเดินหน้าสานต่อวิธีการที่ใช้ต่อไป 

การมาลองเปลี่ยนตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อย ๆ มันหาสมดุลการเล่นได้ยากกว่ามาก ๆ 

สุดท้ายพอตเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบนี้ จนหาจุดลงตัวไม่เจอ แล้วก็ต้องหาไปอีกยาว ๆ แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากมองในระยะยาวสำหรับเชลซี สำคัญที่สุดในตอนนี้คือยิ่งหา 11 ตัวจริงเร็วแค่ไหนยิ่งดี แต่เหมือนตอนนี้มันจะห่างไกลจากจุดนั้นมาก ๆ สำหรับพอตเตอร์ 

พอตเตอร์ได้คุมเชลซีที่ขนาดทีมใหญ่ขึ้นกว่าไบรท์ตันมาก แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องมีการโรเตชั่นทีมในทุกเกม หรือเปลี่ยนรูปแบบการเล่นในทุกนัด สำคัญที่สุดคือผลการแข่งที่จะต้องเกิดจากการฝึกซ้อมนักเตะให้เข้าใจในวิธีการจริงที่เขาต้องการ

 มันอาจเป็นคำตอบในอนาคต แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องทำคือหาทีมที่ใช่ให้เจอก่อนจะสานงานต่อไป ถ้าจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ แบบนั้น เขาอาจจะจบไม่สวยกับเชลซีก็ได้

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.