เชลซีบุกไปแพ้อาร์เซนอล 5-0 อย่างหมดรูป ถือเป็นผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทีมดังแห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
ทั้งที่ย้อนกลับไปเพียงสามปีก่อน พวกเขายึดบัลลังก์เจ้ายุโรปในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ทุกวันนี้ แค่ลุ้นจบครึ่งตารางบนยังเหนื่อยหนัก มันเกิดอะไรขึ้นกับสโมสรแห่งนี้ ?
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
จุดเริ่มต้นคือ ท็อดด์ โบห์ลี
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสโมสรเชลซีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 2002 เมื่อรัฐบาลสหราชอาณาจักรเข้ายึดทรัพย์สินทั้งหมดของโรมัน อับราโมวิช รวมถึงสโมสรฟุตบอลเชลซี เพื่อเป็นการตอบโต้การโจมตียูเครนของรัฐบาลรัสเซีย เนื่องจากมหาเศรษฐีเจ้าของทีมสิงห์บลู ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพลทางการเมืองของรัสเซีย
การเข้าควบคุมกิจการสโมสรเชลซีครั้งนี้ส่งผลให้ทีมไม่สามารถซื้อขายนักเตะตามปกติได้ จนกว่าจะได้เจ้าของรายใหม่เข้ามาสู่สโมสร ซึ่งท้ายที่สุด
ทีมดังแห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ ถูกขายให้กับ ท็อดด์ โบห์ลี มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอเมริกันเกมส์ เขามีหุ้นอยู่ในทีมดังอย่างลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส และลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส รวมถึงเคยแสดงความสนใจซื้อเชลซีมาแล้วในปี 2019
เงิน 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คือมูลค่าซื้อขายทีมกีฬาที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์โลก ณ เวลานั้น และโบห์ลีได้ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ของเชลซี ท่ามกลางความคลางแคลงใจของแฟนคลับ เนื่องจากประวัติอันลือชื่อของเจ้าของทีมอเมริกันที่มักป่นปี้ทีมฟุตบอลอังกฤษอย่างไม่ใยดี และคราวนี้แฟนเชลซีสังหรณ์ใจไม่ผิด
เพราะหลังเข้ามาเป็นเจ้าของทีมได้ไม่นาน โบห์ลีก็ตัดสินใจแยกทางกับ โทมัส ทูเคิล กุนซือที่พาสโมสรคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังเปิดฤดูกาล 2022-23 ได้เพียงไม่นาน
นี่คือการตัดสินใจที่อ้างอิงจากปัญหาระหว่างทั้งสองฝ่าย มากกว่าจะวัดจากผลงานในสนาม เพราะถึงแม้ผลงานของเชลซีในเวลานั้นจะไม่สวยหรู แต่ทูเคิลมีโอกาสแสดงผลงานเพียง 7 นัดจากทุกรายการ ก่อนถูกเด้งจากตำแหน่งอย่างกระทันหัน
โบห์ลีแก้ไขสถานการณ์ด้วยการดึง แกรห์ม พอตเตอร์ นายใหญ่ของไบร์ทตันเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ของทีม แต่นอกจากทุกอย่างจะไม่ดีขึ้นแล้ว นี่ยังกลายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหามากมายที่กำลังจะตามมาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
บทความที่เกี่ยวข้อง : โปรแกรมเชลซีทุกรายการ - ตารางแข่งเชลซีจนจบฤดูกาล
ทุ่มเงินไม่ถูกจุด
เหมือนที่กล่าวไปข้างต้นว่าโบห์ลี และทูเคิล มีปัญหาเรื่องการซื้อขายนักเตะ นั่นเป็นเพราะกุนซือชาวเยอรมันเรียกร้องนักเตะมากมายในช่วงซัมเมอร์ ฤดูกาล 2022-23 นำมาสู่การทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อราฮีม สเตอลิ่ง ในราคา 47.5 ล้านปอนด์, คาลิดู คูลิบาลี่ ในราคา 33.8 ล้านปอนด์, มาร์ค คูคูเรญ่า ในราคา 62 ล้านปอนด์ และเวสลีย์ โฟฟานา ในราคา 72 ล้านปอนด์
เงินมากกว่า 200 ล้านปอนด์ที่ใช้จ่ายไปกับนักเตะเหล่านี้ แทบไม่ตอบแทนเชลซีเลยจนถึงปัจจุบัน ทูเคิลต้องรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยตำแหน่งของเขา และนับจากนั้นเป็นต้นมา โบห์ลีได้เข้ามาคุมทิศทางการซื้อขายนักเตะของสโมสรด้วยตัวเอง รวมถึงตัดสินใจรื้อแนวทางของทีมใหม่ โดยประกาศว่าสโมสรจะเน้นไปที่การซื้อนักเตะอายุต่ำกว่า 23 ปีเท่านั้น
ทันทีในช่วงตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2022-23 ซึ่งเชลซีภายใต้การคุมทีมของพอตเตอร์กำลังผลงานระส่ำ สโมสรดึงนักเตะอายุต่ำกว่า 23 ปีเข้ามาสู่ทีมถึง 7 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ แข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ทุ่มเงินไปมาถึง 105 ล้านปอนด์ เป็นสถิติค่าตัวสูงสุดของลีกฟุตบอลอังกฤษจนถึงปัจจุบัน
ผลสรุปคือเชลซีมีนักเตะมากมายให้พอตเตอร์เลือกใช้ แต่ไม่มีใครเลยที่ดีพอจะพลิกสถานการณ์ของทีม บรรดาแข้งรุ่นเยาว์อย่าง โนนี มาดูเอเก, มาโล กุสโต, เบอนัวต์ บาดียาชิล หรือมิไคโล มูดริค ยังห่างชั้นจากมาตรฐานของแข้งพรีเมียร์ลีกระดับสูง นี่คือการถลุงเงินรวม 574.8 ล้านปอนด์ภายในซีซั่นเดียว โดยคุณภาพทีมไม่ได้พัฒนาขึ้น
ผลงานของเชลซีในฤดูกาล 2022-23 จึงเละไม่เป็นท่า พอตเตอร์คุมทีมด้วยอัตราคว้าชัยชนะเพียง 38 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะถูกเด้งให้แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาคุมทีมต่อ ซึ่งผลงานไม่ได้ดีขึ้น ตำนานหมายเลข 8 พาต้นสังกัดเก่าคว้าชัยชนะแค่เกมเดียวจาก 11 เกม ท้ายที่สุด เชลซีจบอันดับ 12 ของตารางพรีเมียร์ลีก และไม่มีแชมป์ติดมือแม้แต่รายการเดียว
ขว้างงูไม่พ้นคอ
เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน คือกุนซือรายที่ 4 ในยุคของโบห์ลี โดยการตัดสินใจแต่งตั้งกุนซือชาวอาร์เจนติน่านำมาสูเสียงวิจารณ์อีกครั้ง เนื่องจากผู้จัดการทีมรายนี้เพิ่งล้มเหลวมากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง
เมื่อบวกกับสภาพทีมที่ไม่ต่างกับเรือไททานิครอวันจม แฟนคลับเชลซีจำนวนมากไม่เชื่อว่ากัปตันเรือที่ชื่อปอเช็ตติโนจะประคองทีมได้ไหว
แน่นอนว่าแฟนบอลคิดไม่ผิด เพราะถึงแม้เชลซีจะมีการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่เพื่อโละนักเตะส่วนเกิน และดึงแข้งหน้าใหม่เข้ามา สภาพของทีมก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะนักเตะส่วนใหญ่ยังโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่าความคาดหมาย และแทคติกของปอเช็ตติโนยังล้าหลังเกินกว้าจะดึงศักยภาพนักเตะเหล่านี้ไปสู้กับทีมระดับสูง
หลังผ่านการแข่งขันไป 32 นัด เชลซีรั้งอันดับ 9 ของตาราง และมีโอกาสไม่น้อยที่จะพลาดตีตั๋วสู่บอลยุโรปเป็นปีที่สองติดต่อกัน นี่ไม่ใช่ข่าวดีของทีมที่เพิ่งจ่ายเงินซื้อนักเตะเกือบ 500 ล้านปอนด์ สองฤดูกาลติดต่อกัน
ปัญหาเรื่องกฎการเงินกำลังบีบังคับให้เชลซีไม่สามารถซื้อขายนักเตะอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป และการเซ็นสัญญายาวนักเตะ 7-8 ปี กำลังเป็นดาบที่กลับมาทิ่มแทงเชลซีเสียเอง เมื่อบวกกับสถานการณ์ของปอเช็ตติโนที่รอวันโดนปลด ความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับเชลซี และนี่ไม่ใช่เรื่องดี
โบห์ลีกำลังจะใช้ผู้จัดการทีม 5 คน ภายในเวลาราวสามฤดูกาล ความวุ่นวายเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้อย่างยาวนาน และถ้าหากมันยังดำเนินต่อไป ไม่มีทางเลยที่เชลซีจะกลับไปเป็นยอดทีมแห่งยุโรปได้เหมือนดังเดิม
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand