นับตั้งแต่ที่ผมเดินทางกลับอังกฤษ ทุกคนล้วนถามผมว่า “มาตรฐานฟุตบอลของญี่ปุ่นอยู่ในระดับไหน”
ผมจะตอบคำถามเดิมๆ “ญี่ปุ่นเป็นที่ๆวิเศษมาก ผู้เล่นที่นั่นล้วนเป็นจอมเทคนิค สามารถเก็บบอลอยู่กับตัวไว้ตลอด แต่มักขาดความเชื่อมั่นเมื่ออยู่บนเวทีระดับชาติ พวกเขาพอใจที่จะอยู่บนจุดนี้ ซึ่งทำให้ผมหัวเสียตลอดเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่น”
ผมอยากเห็นญี่ปุ่นทำผลงานได้ดีในฟุตบอลครั้งนี้และครั้งต่อๆไป 6 ปีที่ผมอยู่ในญี่ปุ่น ผมมีโอกาสได้ลงเล่นร่วมกันและเผชิญหน้ากับผู้เล่นระดับทีมชาติญี่ปุ่นมาแล้วหลายคน ซึ่งผมภาคภูมิใจในตัวพวกเขามาก
ในเจลีก ความพ่ายแพ้บางเกมเจลีกเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะคิดว่าสัปดาห์ถัดไปจะต้องชนะ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผมรับไม่ได้ ผมคิดว่าผู้เล่นหลายคนก็มีแนวคิดแบบนี้ เพราะเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากกันมา
ที่ญี่ปุ่น มีวัฒนธรรมมนุษย์เงินเดือน เมื่อคุณได้งานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย มักจะอยู่บริษัทเดิมตลอดชีวิต ซึ่งแตกต่างกับชีวิตนักฟุตบอล แต่ก็อยู่บนแนวความคิดเดียวกัน คือปกป้องมากกว่าออกไปที่อื่น
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2018 ตอนที่ญี่ปุ่นแพ้เบลเยี่ยม 2-3 ทั้งที่นำ 2-0 ญี่ปุ่นกลับเลือกรักษาผลสกอร์ โดยที่ไม่คิดทำประตูใส่เบลเยี่ยม
ญี่ปุ่นผ่านรอบคัดเลือกอย่างง่ายดาย เพราะคู่แข่งยังไม่มีมาตรฐานการเล่นที่ดีเทียบเท่ากับญี่ปุ่น เหมือนกับที่คุณไม่พูดว่า “ยินดีด้วยนะ” เมื่อส่งลูกไปโรงเรียน คุณแค่รู้สึกตื่นเต้นเวลาลูกคุณหลุดพ้นจากการดูแลของคุณเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะอยู่ในกลุ่มที่มีทีมแกร่งจากยุโรปอย่างสเปนและเยอรมนี แต่ญี่ปุ่นสามารถผ่านไปได้เพราะมีผู้เล่นอย่างทาเคฟุสะ คุโบะ, ทาคุมิ มินามิโนะ และไดจิ คามาดะ โดยมีเฮดโค้ชอย่างฮาจิเมะ โมริยาสุคอยปลุกขวัญกำลังใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับเนเธอร์แลนด์ที่มีประวัติศาสตร์ดีกว่าญี่ปุ่น แต่มีลักษณะผู้เล่นที่เหมือนกันเมื่อเปรียบกันตัวต่อตัว ผมอยากให้ญี่ปุ่นเล่นเกมแรกกับเยอรมนีแบบไม่กลัวแชมป์โลก 4 สมัย
ด้วยความสัตย์จริง แนวรับญี่ปุ่นคือจุดอ่อน แต่ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุเป็นผู้เล่นที่สุดยอดมาก ผมดูเขาเล่นให้กับอาร์เซนอล เขาเป็นกองหลังที่นิ่งและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถเล่นได้ทั้งแบ๊กซ้าย, แบ๊กขวา และเซนเตอร์ฮาล์ฟในระบบหลังสาม
โทมิยาสุเป็นผู้เล่นที่อยากให้กองหลังหลายคนศึกษาการเล่นของเขา ผมอยากเห็นเขาคุมแนวรับ เพราะเขาคือกองหลังที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น แต่ถ้าเล่นหลังสี่ ก็สามารถจับเขาไปเล่นแบ๊กได้เหมือนกับตอนที่เล่นให้อาร์เซนอล
ส่วนแนวรุกนั้น ผมอยากบอกว่า “บุกเข้าไป โชว์ให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นอย่างไร”
มิโตมะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกันกับคามาดะกับบุนเดสลีกา ไม่มีเวทีไหนที่เหมาะกับการแสดงฝีเท้าได้เท่าฟุตบอลโลกอีกแล้ว
กลุ่ม E เป็นกลุ่มที่หินที่สุดในรายการนี้ ทั้งเยอรมนี, สเปน และคอสตาริกาเป็นทีมที่แข้งแกร่ง เยอรมนีเป็นทีมที่มีทักษะร่างกายแข็งแกร่งไหมือนสเปน ส่วนคอสตาริกาเมื่อเทียบกันตัวต่อตัวแล้วญี่ปุ่นเหนือกว่านิดๆ
ถ้าในรอบแรกญี่ปุ่นเก็บได้ 4 แต้ม ก็เพียงพอที่จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และอาจเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ตามเป้าหมาย หากโทมิยาสุสามารถคุมระเบียบแนวรับในทีมได้
ถึงเวลาแสดงความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นแล้ว หากจบต่ำกว่าเป้าหมายถือว่าล้มเหลว