ช่วงชีวิตของนักฟุตบอลส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม ก้าวสู่เส้นทางอันโด่งดัง และกลายเป็นที่ชื่นชมจนผู้คนจดจำ
การได้เล่นในลีกสูงสุดของประเทศหรือการทำอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่ามันคือเรื่องราวที่พวกเขาอยากจะสานฝันจนกลายเป็นจริง จากการทำงานหนักอย่างสม่ำเสมอในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ
ดูเหมือนว่าอีน็อค เอ็มเวปู จากเด็กตัวเล็ก ๆ ในประเทศอันห่างไกลจากแซมเบีย เขาผ่านทุกเส้นทางอันยากลำบาก จนก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีก
แต่เขาต้องมาพบเจอกับโชคร้าย ที่ทำให้เขาต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควร เหลือไว้แต่เพียงเรื่องราวอันน่าจดจำของผู้ชายคนนี้
เส้นทางลูกหนัง
เด็กน้อยจากชามบิชี ในประเทศแซมเบีย เติบโตมาพร้อมกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ในการอยากเป็นนักฟุตบอลระดับอาชีพ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาพร้อมกับชีวิตที่ร่ำรวยอะไร ในความเป็นจริงคือยากจนมาก ตามแบบฉบับเด็กจากทวีปแอฟริกา บางวันเขาถึงกับได้กินข้าวแค่มื้อเดียวต่อวันด้วยซ้ำ
แต่ความฝันที่ชัดเจนตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามุ่งหน้าเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ และเขาเต็มไปด้วยความกระหายในการเล่นฟุตบอล เพราะเชื่อว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ครอบครัวมีฐานะที่ดีขึ้น
โชคดีที่เอ็มเวปูเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ชั้นเลิศในการเล่นฟุตบอล ทำให้คนรอบตัวคอยสนับสนุนเอ็มเวปูเต็มที่ในการเล่นฟุตบอล แมวมองหลายคนเห็นแววเขา เชื่อว่าจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ ส่งให้เขาได้มีโอกาสได้เขาอคาเดมี่ระดับท็อปของประเทศแซมเบีย
มีเรื่องเล่าว่าครอบครัวของเอ็มเวปู เก็บบันทึกรูปหรือวิดีโอของเขาเอาไว้ตลอดเส้นทาง การเป็นนักฟุตบอล เพราะเชื่อว่าสักวันเขาจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกแน่นอน
อีน็อค เอ็มเวปูเริ่มโลดแล่นในเส้นทางลูกหนังตั้งแต่ปี 2013 หรือตั้งแต่เขาอายุ 15 ปี เขาโดดเด่นกับสโมสรคาฟู เซลติก ก่อนได้รับความสนใจจากเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์กทีมดังจากออสเตรีย และได้ย้ายไปร่วมทีมกับเพื่อนรักของเขา ที่เติบโตมาในอคาเดมีเดียวกัน อย่าง แพทสัน ดาก้า ซึ่งในตอนนั้นเอ็มเวปูอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น
เอ็มเวปูกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมซัลซ์บวร์ก เขาลงสนาม 119 นัด จาก 4 ฤดูกาลกับซัลซ์บวร์ก ก่อนย้ายมาร่วมทัพ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนทีมดังในพรีเมียร์ลีกเลือกที่จะมาเซ็นสัญญาเขาเข้าร่วมทีม
นั่นถือเป็นก้าวใหญ่อีกครั้งหนึ่งของเขาซึ่งเกิดขึ้นในซัมเมอร์ 2021 เอ็มเวปูได้ทำตามความฝันของเขากับการได้ลงเล่นในลีกที่โด่งดังที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขา
ฝันสลาย
ฤดูกาล 2022-23 ถือเป็นปีที่โดดเด่นมาก ๆ ของเอ็มเวปู เขาขึ้นมายึดตำแหน่งกองกลางตัวรับตัวจริงของไบร์ทตันฯ และลงสนามทุกเกม จาก 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ในเบรกทีมชาติช่วงปลายปี 2022 มันก็เป็นเรื่องปกติที่เขา จะต้องไปรับใช้ชาติในการแข่งขัน แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวมีอาการป่วยขณะที่ได้เดินทางไปร่วมทีม จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม
ก่อนที่สุดท้ายการตรวจอย่างละเอียดที่สโมสรไบรท์ตัน และพบกับข่าวร้ายที่อาจจะเรียกได้ว่าร้ายที่สุดในช่วงชีวิตของเขาเลยก็ได้
ในการตรวจอย่างละเอียดพบว่า อีน็อค เอ็มเวปูพบโรคหัวใจจากกรรมพันธุ์ โดยที่อาการที่ว่าเริ่มแสดงมากขึ้นเมื่ออายุเขามากขึ้นไปด้วย และจะไม่แสดงอาการตอนที่เขายังเด็ก
ซึ่งตัวของเขาเองก็ไม่เคยพบอาการนี้มาก่อนจนกระทั่งมีการตรวจอย่างละเอียดในครั้งนี้ก็ได้พบกับปัญหาครั้งใหญ่
แน่นอนว่าอาการมันจะทรุดหนัก ถ้าหากเอ็มเวปูยังเล่นกีฬาโดยเฉพาะความเข้มข้นสูงในระดับอาชีพ ที่แน่นอนว่าจะต้องใช้ร่างกายเยอะมาก ๆ อย่างเช่นฟุตบอล
สุดท้ายเอ็มเวปูจะต้องเลิกเล่นฟุตบอล เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเขา และเขายอมทิ้งความฝันที่อยู่กับเขามายาวนานตลอด 24 ปีของชีวิต
อยู่กับความจริง
แน่นอนว่ากับความฝันที่เอ็มเวปูอยากจะให้ไปถึง เขาไม่สามารถที่จะทำได้ ทุกคนรอบตัวคาดหวังว่าเขาจะเป็นนักเตะระดับโลก และกำลังฉายแววออกมา แต่ต้องมาจบด้วยปัญหาสุขภาพแบบนี้ มันน่าเจ็บใจมากจริง ๆ
แต่นี่คือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะเลิกเล่นกีฬาที่รักไปแบบง่าย ๆ กลับกันถ้าหากมองถึงในภาพรวมทั้งหมด ชีวิตของเขาก็สำคัญมากที่สุดแล้ว
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นประธานสโมสรของไบรท์ตันอย่าง โทนี่ บลูม หรือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบั นก็ออกมาแสดงความเสียใจ กับการที่ต้องเสียนักเตะอย่างเอ็มเวปูไปจากทีมระหว่างฤดูกาล
อย่างไรก็ตามคนที่เสียใจกับเรื่องนี้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น อีน็อค เอ็มเวปู เขาได้ออกมาโพสต์ภาพทางทวิตเตอร์ พร้อมข้อความที่บอกว่า เขาเองเป็นเด็กน้อยจากแซมเบียที่ได้ตามความฝัน พระเจ้าได้มอบช่วงเวลาที่ดีให้แล้วกับการได้เล่นในพรีเมียร์ลีก น่าเศร้าที่มันต้องจบลง สุดท้ายแล้วเขาต้องแขวนสตั้ดจากคำแนะนำทางการแพทย์ ก่อนที่จะขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยให้เขามาถึงทุกวันนี้ได้
ถือเป็นเรื่องเศร้าที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในวงการฟุตบอล เอ็มเวปูในตอนนี้ที่อายุแค่ 24 ปียังห่างไกลจากการต้องเลิกเล่นมาก ๆ แต่ด้วยโรคร้ายที่มาพรากความฝันไปจากเขา เขาคือหนึ่งในนักเตะที่มีอนาคตไกลแต่กลับต้องหยุดมันไว้แต่เพียงเท่านี้
แต่แน่นอนนี่ไม่ใช่จุดจบของเขากับฟุตบอล เอ็มเวปูยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าต่อในเส้นทางฟุตบอล อาจจะเป็นงานโค้ช, แมวมอง หรือผู้บริหารก็สุดแล้วแต่ ซึ่งเราขอให้เขาโชคดีกับเส้นทางต่อไปที่เขาจะเลือกเดิน และเชื่อว่าคนมีของอย่างเขา จะพบเจอเส้นทางที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
