ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมรับทีมชาติไทยยุค มาซาทาดะ อิชิอิ แน่นจนคู่แข่งต้องยกมือไหว้ พลิกโฉมจากเดิมที่เกมรับรั่วเหมือนเขื่อนแตกในยุคคนก่อนหน้า จนไปเตะตาสื่อญี่ปุ่น soccer-king ต้องยื่นไมค์สัมภาษณ์กุนซือวัย 56 ปีรายนี้
Mr.Honda คอลัมนิสต์จากสื่อดังกล่าวเป็นผู้ยิงคำถามใส่ อิชิอิ อย่างตรงไปตรงมาว่า "อะไรคือจุดแข็งของทีมชาติไทย และสิ่งที่ต้องการแก้ไขกับฟุตบอลไทยในปัจจุบัน" ซึ่งคำตอบของ อิชิอิ เองก็สะเทือนดังสนั่นไปถึงทีมไทยลีก เพราะจุดอ่อนมันเริ่มมาตั้งแต่ตรงนั้น
บอลไทยในสายตา อิชิอิ
หลังฟังคำถามจากผู้สื่อข่าว soccer-king อิชิอิ ตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า
"สำหรับจุดแข็งนักเตะไทย ผมมองว่าเป็นเรื่องกายภาพ ความเร็ว ความคล่องตัว แรงปะทะ คนไทยเก่งกว่าคนญี่ปุ่นมากในเรื่องพวกนี้ ในทางเทคนิคแล้วนักบอลไทยไม่ได้ด้อยกว่าทีมชั้นนำในเอเชียเลย แต่จุดอ่อนที่เด่นสุดคือนักเตะขาดความเข้าใจใจกลยุทธ์การเล่นเกมรับแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ตอนผมคุมสโมสรก็เจอเรื่องนี้ และปรับเปลี่ยนได้ดี ดังนั้นผมจึงนำมาใช้กับทีมชาตไทยด้วย"
"ตอนผมเป็นโค้ชที่ คาชิม่า ผมได้มีโอกาสศึกษาบอลไทยแล้วพบว่าฟุตบอลประเทศนี้เกมรับแย่มากทั้งสารบบ พอผมเข้ามาเป็นโค้ชสมุทรปราการ ผมจึงเริ่มปรับปรุงเกมรับเป็นสิ่งแรก"
จากนั้น Mr.Honda ก็ยิงคำถามย้ำว่า ต้นตอของเกมรับบอลไทยที่แย่มาจากอะไร ซึ่ง อิชิอิ เผยคำตอบที่ชวนตกใจว่า
"มันเริ่มจากสโมสร ทุกทีมใช้เซ็นเตอร์แบ็กเป็นต่างชาติหมด จากเดิมที่ผมต้องคอยสอนนักเตะให้เข้าใจกลยุทธ์การเล่นเกมรับว่ายากแล้ว สิ่งที่ยากกว่าคือการตามหาเซ็นเตอร์อาชีพที่เป็นคนไทย เหมือนกับทีมชาติญี่ปุ่นที่ก้าวไปอีกระดับยากเพราะทีมในเจลีกเอาแต่ใช้กองหน้าบราซิล"
อย่างไรก็ตาม ผลงานของทีมชาติไทยในเอเชียนคัพครั้งนี้ อิชิอิ พรีเซนต์การเล่นเกมรับสุดเหนียวแบบที่คนไทยไม่เคยเจอมาก่อนจนร้องว้าวทั่วแผ่นดิน แต่กระนั้นข้อเสียอื่น ๆ ก็ต้องค่อยแก้ไขตามเกมรับไปในอนาคต
สำหรับแมตช์ต่อไปทีมชาติไทยมีคิวระเบิดความมันส์กับ อุซเบกิสถาน รอบ 16 ทีมศึก เอเชียนคัพ 2023 วันอังคาร 30 มกราคมนี้ เวลา 18.30 น. ณ สนามอัล-ยานูบ ประเทศกาตาร์
ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand