อังเดรย์ โวโรนิน : อดีตเบอร์ 10 ที่ถูกลืมไปแล้วว่าแย่สุดในประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล

Songsak Srisuk

อังเดรย์ โวโรนิน : อดีตเบอร์ 10 ที่ถูกลืมไปแล้วว่าแย่สุดในประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล image

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก้าวเข้ามาเป็นแข้งเจ้าของเบอร์ 10 คนที่ 8 ในยุคสมัยพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล ซึ่งแข้งวัย 24 ปี รายนี้กล่าวกับการเลือกเบอร์ 10 ว่าเป็นเบอร์เสื้อที่เขาคุ้นเคยและใช้มาก่อนกับ ไบรท์ตัน และทีมชาติอาร์เจนตินา U-23 อีกทั้งนี่ยังเป็นเบอร์ที่ผ่านแข้งดังมาหลายคน

ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ การ์เซีย, จอห์น บรานส์, ฟิลิเป้ คูตินโญ่, ไมเคิ่ล โอเว่น และ โจ โคล ก็ล้วนผ่านเบอร์ 10 กับ "หงส์แดง" มาหมด แม้เป็นที่เข้าใจว่าในรายของ โคล ล้มเหลวอย่างมากแต่ถ้ามองในแง่ชื่อเสียงเขาก็ถือว่าโด่งดังพอใช้ได้

แต่ในบรรดา 1 ใน 8 คนนี้มีแกะดำแฝงตัวมาอยู่นั่นก็คือ อังเดร โวโรนิน ที่กาลเวลาพาแฟนบอลลืมไปแล้วว่าเขาก็เคยสวมเสื้อเบอร์ 10 ให้ ลิเวอร์พูล ในยุคพรีเมียร์ลีก ดังนั้น ทีมงานของ The Sporting News Thailand ขอพาทุกคนไปรื้อฟื้นความทรงจำอดีตแข้งทีมชาติยูเครนรายนี้

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันฟุตบอลประจำวันได้ที่นี่

กลิ่นแปลก ๆ 

ฤดูกาล 2007/2008 ลิเวอร์พูล กับเจ้าของทีมคนใหม่อย่าง ทอม ฮิค และ จอร์จ ยิลเลต สองเศรษฐีอเมริกันเริ่มต้นตลาดนักเตะตั้งแต่ไก่โห่ด้วยการคว้าตัว  อังเดร โวโรนิน แข้งตัวรุกวัย 27 ปี มาฟรี ๆ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งดาวเตะชาวยูเครนคนนี้ทำผลงานกับทัพ "ห้างยา" ได้อย่างน่าประทับใจในฤดูกาล 2006/2007 ด้วยจำนวน 12 ประตูจาก 43 นัด แน่นอนว่าการได้ตัวมาแบบไม่เสียสตางค์นั้นมีแต่คุ้มกับคุ้ม

แม้จะเป็นนักเตะโนเนม แต่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือของทีมช่วงเวลานั้นตั้งใจนำ โวโรนิน เข้ามาเพราะมองเห็นว่ามีหลายอย่างที่คล้ายกับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตดาวยิงของทีมยุคสไปซ์บอยที่ขึ้นชื่อในด้านความเร็วและการยิงประตูที่เฉียบคม

"เขา(โวโรนิน)เป็นนักเตะที่มีความเร็วและการเคลื่อนไหวที่ดี เล่นระหว่างแนวรับและกองหลัง เขาเป็นคนทำงานที่ดีเช่นกัน และสามารถทำประตูได้ เขาไม่ใช่ผู้เล่นประเภทที่ใครจะมาพูดถึงจุดเด่น เพราะเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขามอบให้เราได้ เขามีค่าและคู่ควรกับหมายเลข 10 อันยิ่งใหญ่" เบนิเตซ กล่าวอ้างคุณสมบัติของ โวโรนิน หลังเปิดตัวมาร่วมทีม

ด้านนักเตะเองก็ปากหวานไม่แพ้กัน ซึ่ง โวโรนิน กล่าวในเว็บไซต์สโมสรหลังชูเสื้อเบอร์ 10 ว่า

"หลังจากอยู่ เยอรมนี มา 12 ปี ผมรู้สึกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้รับข้อเสนอจากลิเวอร์พูล ในฐานะกองหน้าแน่นอนว่างานหลักสำหรับผมคือการทำประตู นั่นคือหน้าที่ของผม ผมมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจ ผมคงไม่ตัดสินใจมาที่นี่ ผมรู้สึกว่าผมปรับตัวได้และประสบความสำเร็จในอังกฤษ"

ช่วงฮันนีมูนยังไงก็หอมหวาน โวโรนิน ใช้เวลาไม่นานก็ยิงประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลได้ในเกม แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟพบ ตูลูส เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2007 จน "ราฟา" ถึงกับชมอีกครั้งว่า 

"เขาฉลาด มีไหวพริบในเกมที่ยอดเยี่ยม และทำให้เรามีทางเลือกมากมายในการเล่นเกมรุก เขาสามารถเล่นหลังกองหน้าตัวหลัก นำแนวรับด้วยตัวเอง หรือบุกจากริมเส้นด้านข้างก็ได้"

อย่างไรก็ตาม ฝันร้ายก็มาเยือน 25 มกราคม 2008 โวโรนิน ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าระหว่างฝึกซ้อม เขาเข้ารับการผ่าตัดและได้ลงเล่นเล็กน้อยในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ฟอร์มของเขาที่ยิงทั้งซีซั่น 2007-2008 ได้แค่ 6 ประตูจาก 28 นัดก็เลวร้ายกว่าเดิมในช่วงปรีซีซั่นที่เขาตกเป็นข่าวว่าอยู่ในรายชื่อที่ต้องย้ายออกเพราะไม่เข้าระบบของ ราฟา

มันจบแแล้ว

ฤดูกาล 2008-2009 แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ก็พาเขากลับคืนสู่บุนเดสลีกาด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาลซึ่งที่แห่งนี้ โวโรนิน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ด้วยผลงาน 11 ประตูจาก 33 นัด ก่อนกลับคืนสู่ แอนฟิลด์ อีกครั้งในฤดูกาล 2009-2010 แต่ทว่าอะไร ๆ ก็เหมือนเดิม

ซีซั่นนี้ โวโรนิน เจอกับมรสุมหนักอย่างแรง เขาไม่สามารถเค้นฟอร์มใด ๆ ออกมาได้อีกแม้จะโดนโยกไปเล่นทั้งปีก หน้าเป้า หน้าต่ำ กลางรุก รวมถึงชอตหลุดเดี่ยวไปยิงแล้วพลาดในเกมพบ ลียง ในถ้วย แชมเปียนส์ลีก ก็ทำให้แฟนบอลและ ราฟา ไม่อยากเหลียวแลเขาอีกแล้ว ซ้ำร้ายเขากลายเป็นตัวสำรองถาวรเพราะกุนซืออย่าง เบนิเตซ ที่เน้นเล่นระบบ 4-4-1-1 เป็นหลักก็มี ตอร์เรส กับ เจอร์ราร์ด จองสัมปทานแดนหน้าไปแล้ว ไหนยังมีมี เดิร์ก เคาท์ คว้าหน้าในม้านั่งสำรองอีก

กระทั่งตลาดหน้าหนาวเปิด 8 มกราคม 2010 โวโรนิน ก็โดนเลหลังขายไป ดินาโม มอสโก ด้วยค่าตัวแค่ 4 ล้านปอนด์เท่านั้น ปิดฉากการกลับมาหงส์แดงรอบสองด้วย 12 นัด 0 ประตู 1 แอสซิส พร้อมกับปิดตำนานเบอร์ 10 ที่แฟนลิเวอร์พูลไม่อยากจดจำมากที่สุด

เส้นทางค้าแข้งของ โวโรนิน หลังจากออก ลิเวอร์พูล เขาก็ปักหลักกับ ดินาโม มอสโก ซึ่งที่นี่เขาได้สวมเสื้อเบอร์ 10 ต่อ แต่ก็มีช่วงเวลาสั้น ๆ ยืมตัวไป ดุสเซลดอฟ ในฤดูกาล 2012/2013 ก่อนจะแขวนสตั๊ดเงียบ ๆ ในปี 2014 ด้วยวัย 34 ปี กับ ดินาโม มอสโก

พัง

โวโรนิน ใช้เวลาหลังแขวนสตั๊ดมาเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ ดินาโม มอสโก ในปี 2020 ก่อนจะขอลาออกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 หลัง รัสเซีย ประกาศสงครามกับ ยูเครน บ้านเกิดของเขาก่อนจะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองดุสเซลดอฟ ประเทศเยอรมนี ในปัจจุบัน ซึ่งทางสำนักข่าว GOAL ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เขาในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันซึ่งตอนหนึ่งเขาเผยว่าสาเหตุที่ดับกับ ลิเวอร์พูล เพราะอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม

"สำเนียงสเกาซ์ ผมไม่เข้าใจมันเลย ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยดีตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องมาฟัง คาร์ราเกอร์ กับ เจอร์ราร์ด พูด ผมต้องบอกให้เขาพูดซ้ำเป็นอังกฤษอีกรอบจริง ๆ"

"ลิเวอร์พูล ไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่ในฐานะเมือง แม้ว่ามันจะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตัวอย่างเช่น เดอะ บีเทิลส์ พ่อผมเป็นแฟนตัวยงของวงนี้ ตอนที่ผมบอกเขาว่าผมจะเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล เขาถึงกับร้องไห้ออกมาเลย อีกอย่างผมไม่สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศ รวมถึงจังหวะของเกมที่ไม่มีการเบรคหนีหนาวได้ ผมต้องเดินทางและลงสนามไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหนื่อยล้ามาก"

แต่สิ่งที่ทำแฟน ลิเวอร์พูล เอือมระอาเขามากที่สุดคงหนีไม่พ้นการให้สัมภาษณ์แซะวงการฟุตบอลอังกฤษหลังย้ายออกจากทีมเมื่อเดือนมกราคม 2010 โดยกล่าวกับ Daily Mail ไว้ว่า

"ฟุตบอลในอังกฤษ มันเหมือนทำสงคราม ถ้าเกมไหนไม่มีนักเตะเลือดตกยางออก หรือไม่มีการปะทะที่ศีรษะจนหมดสติหรือเสียบกันขาแทบหลุด แฟนบอลจะรู้สึกขาดทุน เกมนั้นจะง่วงนอน จังหวะของเกมมันบ้ามากตั้งแต่นาทีแรกจนสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม ทุกคนทุ่มเทอย่างสุดพลังเพื่อแลกกับบรรยากาศสุดจะบรรยายในสนาม แต่เรื่องแท็กติคส่วนใหญ่นั้นธรรมดามาก ก็แค่โยนบอลยาว 50 หลา แล้วฉวยโอกาสทำประตูใส่คู่แข่ง"

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ โวโรนิน เคยเป็นลูกทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ โดยทั้งคู่ร่วมงานกันที่ ไมนซ์ ระหว่างปี 2000-2003 และในโอกาสที่ คล็อปป์ เข้ามาเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล ในปี 2015 ก็ได้ตอบคำถามว่าลูกทีมคนไหนที่เขาอยากให้โอกาสอีกครั้งหากเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งใหม่

"ผมเลือก อันเดรย์ โวโรนิน หากมีสักวันหนึ่งที่เขามีสัมผัสรู้ว่าตัวเองจะเป็นนักเตะที่เก่งได้ขนาดไหน มันคงเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ" คล็อปป์ กล่าวผ่านช่องยูทูบของลิเวอร์พูลในปี 2021 

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย   

Songsak Srisuk

Songsak Srisuk Photo

นักเขียน The Sporting News Thailand ที่อยากถามว่าคุณฟังวงอะไร? ผมฟังวง "ไปส่งกู บขส. ดู๊