หมดเวลา 4-3-3 : เมื่อลิเวอร์พูลใช้แผน 4-4-2 ล่าชัยชนะ

The Sporting News

หมดเวลา 4-3-3 : เมื่อลิเวอร์พูลใช้แผน 4-4-2 ล่าชัยชนะ image

ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่มืดแปดด้าน เมื่อพวกเขาพบเจอกับฤดูกาลที่เลวร้าย การเริ่มต้นด้วยฟอร์มการเล่นที่ใกล้เคียงกับคำว่าหายนะ 

แน่นอนว่าทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน ปัญหาเรื่องความฟิต และการเข้ามาใหม่ของผู้เล่นที่ยังไม่สามารถปรับตัวกับทีม ทำให้เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมต้องหาทางแก้วิกฤตครั้งนี้โดยด่วน  

จึงนำมาสู่การเปลี่ยนแทคติค 4-3-3 ที่เป็นวิธีการเล่นซึ่งนำมาถึงความสำเร็จของลิเวอร์พูลตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าในคราวนี้ทางออกคือระบบ 4-4-2 ซึ่งทำผลงานได้ดีสุด ๆ ในเกมกับกลาสโกว เรนเจอร์ส ในศึกฟุตบอลยุโรปที่ผ่านมา

ผู้เล่นเกมรุก 4 คน

สิ่งแรกที่หลายคนสังเกตเห็นได้ทันที เมื่อเห็นผู้เล่น 11 ตัวจริง ในเกมรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่างลิเวอร์พูล กับเรนเจอส์ คือการที่เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดผู้เล่นในเกมรุกไปถึง 4 คนในคราวเดียวกัน 

การใส่ดิโอโก้ โชต้า, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงเล่นพร้อมกัน หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วมันจะยืนกันอย่างไร เมื่อส่งลงไปหมดแบบนี้ในคราวเดียว

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือตำแหน่งผู้เล่น 4 คนในแดนบน จะมีการสลับตำแหน่งกันอยู่เสมอ ทุกคนเป็นตัวริมเส้นได้ หรือสลับเข้ามาเป็นกองหน้าคู่ได้ ทุกคนสามรถเป็นกองหน้าได้ในแต่ละจังหวะ สร้างความหลากหลายให้กับแนวรับคู่แข่งต้องรับมือ 

โดยเฉพาะในเกมนี้ต้องเจอเรนเจอส์ที่ตั้งใจมาเล่นเกมรับ ด้วยการวางผู้เล่นเกมรับ 5 คน  โดยที่โชต้าจะเป็นคนเชื่อมจากแดนกลางเพื่อเอาบอลขึ้นมาให้กับอีก 3 คน 

ซึ่งเมื่อแนวรุก 4 คนอยู่กันครบก็ถือว่าอันตรายมาก ๆ จนสามารถสร้างโอกาสยิงได้ต่อเนื่อง ที่อาจจะยังต้องปรับอาจเป็นพื้นที่ของนูนเญซที่ได้โอกาสยิงเยอะถึง 6 ครั้ง แต่ทำประตูไม่ได้เลย แต่ถ้าเขาอยู่ตรงพื้นที่จบสกอร์มากกว่านี้ อาจจะมีประตูจากเขาเพิ่มไปแล้วเหมือนกัน    

แก้ไขแดนกลาง

ลิเวอร์พูลเสียประตูมากมายในฤดูกาลนี้ ส่วนหนึ่งคือการที่แดนกลางของพวกเขาไม่สามารถที่จะปกป้องแผงเกมรับได้ เพราะตำแหน่งการยืนและแผนของพวกเขาที่ถูกวางหมากในแบบที่เมื่อเล่น 4-3-3 กองกลางที่ปัดกวาดหน้าแผงเกมรับมีเพียงคนเดียว 

ซึ่งส่วนมากเป็นหน้าที่ของฟาบินโญ่ที่ในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพฟิตพร้อมแบบเต็มร้อย ยังลงเล่นได้ แต่ไม่ได้งัดฟอร์มเทพให้เห็นกันมานานแล้วเหมือนกัน 

แถมยังมีข่าวลือว่าคล็อปป์ไม่พอใจผลงานของกองกลางชาวบราซิลในระยะหลังอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ก็สำคัญเช่นกัน

คล็อปป์จัดเอาจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ ลงเล่นคู่กันเป็นกลางคู่ที่คอยสลับเป็นตัวเลือกในการจ่ายบอลจากแนวลึกขึ้นไปด้านหน้า 

Thiago Alcantara

ในเกมนี้จะเห็นเฮนเดอร์สันเติมน้อยลง และใช้บอลยาวเดินทางมากขึ้นซึ่งหลายครั้งเป็นการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่ยอดเยี่ยม 

ส่วนติอาโก้ เราจะเห็นเขาซ้อนพื้นที่หลังแบ็คซ้าย ที่ในเกมนี้คือคอสตาส ซิมิคาส มากขึ้น เพื่อให้เกมตรงกลางมีความรัดกุมเป็นพิเศษ โดยการแก้ไขนี้ดูจะได้ผลเมื่อลิเวอร์พูลครองเกมได้แทบทั้งหมด 

รักษาตำแหน่งเกมรับ

เกมรับในวันนี้ของลิเวอร์พูลยังคงเป็นไลน์อัพที่ไม่ได้เปลี่ยนหน้าไปจากเดิม คอสตาส ซิมิคาสทางด้านซ้าย, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ทางด้านขวา พร้อมด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ โจเอล มาติป เล่นคู่กันในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ทุกคนยังคงได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้หงส์แดง 

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคำสั่งจากคล็อปป์ที่ทุกคนจะไม่ได้ยืนสูงเท่าเดิมแล้ว และพยายามรักษาพื้นที่ของตัวเองอยู่เสมอ 

โดยการปรับเปลี่ยนในจุดนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาเดิมที่เคยมีกับการยืนสูงเกินไป และรักษาพื้นที่ตัวเองไม่ได้ของเทรนต์ จากคำสั่งมากเกินไปของคล็อปป์ที่พยายามให้เขามีส่วนร่วมกับเกมในแดนกลาง ซึ่งทำให้แบ็คขวารายนี้ทิ้งเกมรับ จนกลายเป็นปัญหาของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้

แต่การปรับวิธีการเล่นใหม่ โฟกัสหลัก ๆ ของพวกเขาคื อจะยืนอย่างไรให้มีรูปแบบชัดเจน และไม่ผิดพลาดในพื้นที่เกมรับ  

โดยการรักษาตำแหน่งตรงนี้ แนวรับลิเวอร์พูล 4 คนที่ว่า คนที่จะเติมเยอะที่สุดคือ ซิมิคาสที่ทำหน้าที่เดิมตามปกติ 

ส่วนอีก 3 คนจะยืนช่วยกันจ่ายบอลจากพื้นที่กองหลัง พร้อมทั้งมีตัวช่วยในการจ่ายอย่าง เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ที่ก็ลงมาช่วยเซ็ตเกมจากแดนหลัง 

มันคือการเพิ่มตัวเลือกในการเคลื่อนบอลเพื่อที่ว่าเวลาคู่แข่งขึ้นมาไล่บอลก็จะไล่ได้ยากขึ้น ก่อนส่งบอลขึ้นไปให้แนวรุกด้านบนเพื่อทำเกมรุกต่อไป 

Trent Alexander-Arnold looks dejected after Liverpool draw with Tottenham
Getty Images

การดันกองหลังสูงยังมีอยู่แบบเดิม แต่สิ่งสำคัญคืออย่าให้มันเกินพื้นที่ของตัวเองไปมากนัก นั่นช่วยป้องกันความผิดพลาดที่ต้องไล่ตามเก็บได้ 

ทำให้แนวรับลิเวอร์พูลดูปลอดภัยมากขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับเกมก่อน ๆ ที่ก็ดันสูงเหมือนกัน แต่เมื่อเล่นเกมรับดูเหมือนพวกเขาไม่พร้อมจะป้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว 

สุดท้ายผลก็คือนี่เป็นเกมที่ 3 ที่พวกเขาเก็บคลีนชีทได้ในฤดูกาลนี้ มันออกมาน่าพอใจเลยทีเดียว 

แน่นอนว่าหลังจบเกมกับเรนเจอส์ถือเป็นความสำเร็จกับการเปลี่ยนของของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในครั้งนี้ ตอนนี้เขาจำเป็นต้องออกจากกรอบแนวคิดเดิม เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้เหมาะกับสภาพทีมที่เป็นอยู่ในตอนนี้ 

หวังว่าสุดท้ายมันจะมาช่วยลิเวอร์พูลได้ ในการกลับมาเก็บชัยชนะอีกครั้งทั้งในเกมลีก และฟุตบอลยุโรปที่พวกเขาเองก็ยังหวังว่า จะกลับไปลุ้นแชมป์ได้อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล

 

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.