ศิลปะบนผืนหญ้า : บราซิล 1982 ทีมลูกหนังที่สวยงามที่สุด แต่ไร้แชมป์ฟุตบอลโลก

The Sporting News

ศิลปะบนผืนหญ้า : บราซิล 1982 ทีมลูกหนังที่สวยงามที่สุด แต่ไร้แชมป์ฟุตบอลโลก image

5 กรกฎาคม 1982 ทีมชาติบราซิลตกรอบในฟุตบอลโลก 1982 หลังความพ่ายแพ้ต่อทีมชาติอิตาลี นั่นทำให้แฟนบอลหลายคนรู้สึกช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น 

เพราะนี่ไม่ใช่ทีมชาติบราซิลธรรมดาทั่วไป นี่คือทีมที่เป็นที่รักของแฟนฟุตบอลทั่วโลกจากสไตล์การเล่นที่สวยงามของพวกเขา นี่คือทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในยุคนั้น เพราะเปี่ยมไปด้วยสุดยอดนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ชนิดที่เรียกว่าสื่อฟุตบอลให้ทีมบราซิลชุดนี้ เก่งกว่าทีมที่เคยได้แชมป์โลกมาด้วยซ้ำ

ทีมชาติบราซิลชุดลุยฟุตบอลโลก 1982 คือหนึ่งใน 3 ของสุดยอดทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลที่ไม่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ร่วมกับทีมชาติฮังการีในปี 1954 และ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในปี 1974 

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้แชมป์ แต่ผู้คนก็ยังจดจำเรื่องราวของพวกเขามาถึงทุกวันนี้ เพราะความยอดเยี่ยมของพวกเขาบนสนามแข่งขัน ไม่มีทางหายไปจากใจของผู้คน 

ชุดกู้ศักดิ์ศรีฟุตบอลบราซิล

ทีมชาติบราซิลก่อนลุยศึกฟุตบอลโลก 1982 ร้างแชมป์โลกมานานถึง 12 ปี หลังจากทำผลงานสุดไม่น่าประทับใจในการแข่งขันปี 1974 และ 1978 เนื่องจากเปเล่ดาวดังเบอร์หนึ่งของโลกฟุตบอลอำลาทีมชาติไป หลังจากพาบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1970 

แต่ในปี 1982 ไม่เหมือนสองครั้งก่อนหน้า บราซิลเดินเข้าร่วมการแข่งขัน ในฐานะเต็งหนึ่ง เพราะทัพเซเลเซาสามารถรวมแข้งดังที่เรียกได้ว่าแกร่งทุกตำแหน่งให้มาอยู่ในทีมเดียวกัน เพื่อเดินหน้าล่าแชมป์ฟุตบอลโลก 

ทีมชาติบราซิลชุดนี้เต็มไปด้วยนักเตะที่ยอดเยี่ยม เริ่มต้น เอแดร์ นักเตะกองกลางคนเดียวในทีมที่สามารถเล่นเกมริมเส้นได้ เขามีร่างกายที่ดี และความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยม เขาทำงานหนักเพื่อทีม พร้อมทั้งเทคนิคจากเท้าซ้ายของเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน พูดง่าย ๆ คือครบเครื่องทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ยังมี ซิโก้ นักเตะที่ถูกเรียกว่าเก่งที่สุดในโลกเวลานั้น การันตีด้วยนักเตะอเมริกาใต้แห่งปีในปี 1981 และ 1982 เขาคือเพลย์เมคเกอร์เบอร์ 10 แบบคลาสสิคที่ปั้นเกมอย่างยอดเยี่ยม และมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม จนคนยกให้เขาเป็นนักเตะที่เก่งเบอร์ 2 ตลอดกาลขงบราซิล เป็นรองแค่เปเล่คนเดียวเท่านั้น (ณ เวลานั้น) 

Zico Claudio Gentile Brazil Italy

อีกคนคือผู้นำที่น่าหลงไหลที่สุด อย่าง โซคราเตส เขามีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมวิ่งไปทั่วสนามได้ไม่มีหมด มีการเล่นที่ง่ายไม่ซับซ้อน แต่ทรงประสิทธิภาพ เขาสร้างความสมดุลให้กับทีม อีกทั้งเป็นผู้นำ และศูนย์กลางของทีม คอยควบคุมเพื่อน ๆ และสร้างทีมให้มีทีมเวิร์คที่ดีเสมอ

พร้อมทั้ง โซคราเตส ยังโด่งดังในเรื่องนอกสนามมาก ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาหยุดการเล่นฟุตบอลเพื่อไปเรียนแพทย์ให้สำเร็จ อีกทั้งไม่เคยมองตัวเองเป็นนักกีฬา แต่เป็นนักคิดคนหนึ่งที่มีความคิดความอ่านลึกซึ้ง อีกทั้งยังเคยชวนเพื่อน ๆ นักฟุตบอลต่อต้านเผด็จการบราซิลแบบลับ ๆ ในห้องแต่งตัวอีกด้วย แต่ขณะเดียวกันเขาก็คือนักฟุตบอลระดับโลกที่สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย 

ซึ่งโซคราเตสแสดงความเป็นตัวอย่างที่ดี ด้วยการเลิกบุหรี่ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น เพื่อสร้างความมุ่งมั่นให้กับเพื่อนร่วมทีม ว่าภารกิจครั้งนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน และทุกคนจะต้องเสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวมให้ได้ 

Socrates Brazil

นอกจากดาวดัง 3 คนข้างต้น ยังมี ออสการ์, ลุยซินโญ่, จูเนียร์ และเลอันโดร เป็นดาวดังในแผงหลัง รวมถึงเอแดร์ในตำแหน่งปีกซ้าย และแซร์จินโญ่ กับตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า

ขณะที่โค้ชของทีมอย่าง เทเล ซานตาน่า ได้ดึงศักยภาพของนักเตะชุดนี้ออกมาเป็นอย่างดี ด้วยการเปิดโอกาสให้นักเตะแต่ละรายมีอิสระในการเล่น จนกลายเป็นฟุตบอลเทคนิคที่สวยงามที่สุดแห่งยุคสมัย แต่ขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดในการให้นักเตะคุมพื้นที่ของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยที่ความสวยงามในการเล่นของบราซิลไม่ได้ลดลงไปเลย

แน่นอนว่าเรื่องของความสวยงามในการเล่นคือจุดแข็งของทีมชาติบราซิลชุดนี้ พวกเขาแทบไม่มีลูกหนัก ลูกพละกำลัง มีแต่การโชว์เทคนิคความสามารถเฉพาะตัวอันสวยงามเท่านั้น จนได้รับฉายาว่า “ศิลปะของเกมฟุตบอล”

“เทเล่สร้างทีมนี้ขึ้นมาได้ดีมาก พวกเราเล่นด้วยกันแบบรู้ใจสุด ๆ เป้าหมายเดียวของเราในทัวร์นาเมนต์นี้ คือการเป็นแชมป์โลกเท่านั้น” วัลแดร์ เปเรซ ผู้รักษาประตูในทีมชุดนั้น กล่าว 

Getty Images

ฟุตบอลโลกที่เริ่มต้นด้วยปัญหา

บราซิลมีปัญหาหนักในช่วงเริ่มต้น แม้จะเดินทางมาแข่งขันฟุตบอลโลกที่สเปนด้วยความมั่นใจ เพราะโตนินโย่ เซเรซโซ่ กองกลางตัวรับคนสำคัญ ถูกไล่ออกในเกม กับโบลิเวียในรอบคัดเลือก ทำให้ทีมกังวลว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ไม่ดีแบบที่คิด 

เกมนัดเปิดสนามฟุตบอลโลกของทีมชาติบราซิล กับสหภาพโซเวียต ความกังวลของพวกเขาเป็นผลจริง ๆ เพราะถูกโซเวียตออกนำไปก่อน ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ชัดเจนของบราซิลชุดนี้ออกมาได้

“เราเป็นทีมที่เล่นด้วยความเข้าใจ พวกเราเล่นกันด้วยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไรเลย ฟุตบอลของเราถึงสวยงาม และมีประสิทธิภาพ”

“แต่ถ้ามีสักจุดไม่เหมือนเดิม ทุกอย่างมันก็รวนไปหมด เหมือนถ้าพังแค่จุดเดียว ก็พังกันทั้งระบบ” จูเนียร์แบ็คซ้ายของทีมชุดนั้น กล่าว 

โชคดีที่เทเล่แก้เกมได้อย่างยอดเยี่ยม จนบราซิลพลิกคว้าชัยมาได้ 2-1 แต่ก็เริ่มสร้างความกังวลแล้วว่า ทีมขวัญใจประชาชนจะไปได้ถึงฝันหรือไม่ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ 

Getty Images

บราซิลยังคงเจอปัญหาเช่นเดิมในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง กับสกอตแลนด์ เมื่อมีการเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งตัวจริงอีกครั้ง พวกเขาจับจุดกันไม่ได้ จนกลายเป็นโดนสกอตแลนด์ขึ้นนำไปก่อน 

แต่บราซิลไม่มีสะทกสะท้าน หลังจากเคยกลับมาได้ในเกมที่แล้ว พวกเขายังคงเล่นอย่างสวยงาม จ่ายบอลสลับ เคลื่อนที่กันไปมาต่อไป โดยที่แดนกลางทุกคนสามารถสลับตำแหน่งกันได้หมด หมุนเวียนกันไปรอบสนามตามจังหวะฟุตบอล 

ณ ตอนนั้นเองบราซิลเปลี่ยนฟุตบอลให้กลายเป็นศิลปะที่สวยงาม ฟุตบอลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว พวกเล่นสวยงามและมีประสิทธิภาพก่อนยิงคืนไป 4 ประตูสมชื่อทีมเต็ง

“พวกเราแค่จ่ายบอล และเคลื่อนที่ไปมา เราไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเลย” ออสการ์ เผยความลับความสวยงามของทีมบราซิลชุดนั้น

แน่นอนว่า บราซิลชุดนี้มีทักษะที่ยอดเยี่ยม ผู้เล่นตัวจริงของพวกเขาทุกคน (ยกเว้นผู้รักษาประตู) จ่ายบอลได้ทันที โดยไม่ต้องจับบอลด้วยซ้ำ ก็ไม่แปลกที่ทีมนี้จะเป็นที่รักของแฟนฟุตบอลทั่วโลก 

เกมต่อไปบราซิลเจอกับนิวซีแลนด์ ปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง จอห์น แอดชีด ผู้จัดการนิวซีแลนด์ ถึงกับพูดอย่างสิ้นหวัง ก่อนเจอทีมชาติบราซิลว่า “พวกเราทำได้แค่ดูทีมของพวกเขา(ทีมชาติบราซิล)เล่นเท่านั้นแหละ มีแค่วาลเดียร์ เปเรส และ เซอร์จินโญ่เท่านั้นที่อยู่ตำแหน่งเดิม ทุกคนในทีมชุดนี้เปลี่ยนตำแหน่งกันได้ตลอดเวลา”

Getty Images

จังหวะในการจ่ายบอลที่แม่นยำ และเหนือความคาดหมาย ทำให้แฟนบอลสนุกกับการเล่นของพวกเขา มันไม่เหมือนกับแทคติคติกิ-ตาก้า แบบเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน เพราะพวกเขาไม่ได้เล่นตามแทคติค แต่ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ และเดินหน้าต่อบอลเพื่อเอาประตูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 

บราซิลอัดนิวซีแลนด์ 4-0 เข้ารอบต่อไปด้วยชัยชนะรวด โดยรอบต่อไปซึ่งเป็นรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 พวกเขาต้องอยู่ร่วมกับทีมที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าแล้วในคราวนี้ 

โดยพวกเขาต้องอยู่ร่วมกับทีมชาติอาร์เจนติน่าที่เป็นแชมป์เก่า และทีมชาติอิตาลีที่ในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกเข้ามาในฐานะอันดับที่ 2 โดยที่เสมอ 3 เกมยังไม่ชนะใครเลย 

บราซิลยังโชว์ฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง ทีมชาติอาร์เจนติน่าที่มี ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่ยังเป็นดาวรุ่งอยู่ ไม่สามารถที่จะสู้กับทีมของซานตาน่าได้ 

นี่คือเกมที่แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้น  การสลับตำแหน่งของทีมชาติบราซิล แม้ต้องเจอกับทีมแชมป์เก่าพวกเขาก็สามารถที่จะทำมันได้อย่างอิสระจนชนะไปได้ 3-1 โดยที่ขึ้นนำไปก่อน 3 ประตู 

ความสวยงามที่ไร้บัลลังก์

ก่อนจะถึงรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 นัดสุดท้าย ในเกมเจอกับทีมชาติอิตาลี โดยที่อิตาลีเอาชนะอาร์เจนติน่ามา 2-1 แบบหืดจับสุด ๆ และหากเสมอมันก็เพียงพอให้ทีมชาติบราซิลชุดนี้เข้ารอบ เนื่องจากยิงประตูได้มากกว่า 

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาต้องการชนะเท่านั้น ไม่ว่าตามหน้ากระดาษพวกเขาจะต้องการแค่ผลเสมอก็เพียงพอแล้วที่จะเข้ารอบ มากไปกว่านั้นทำไมพวกเขาจะต้องกลัวทีมชาติอิตาลีด้วย

Getty Images

“เราทำการบ้านกับอิตาลีมาแล้ว เราทำการบ้านมาเยอะมากจริง ๆ เราเข้าใจวิธีการเล่นของพวกเขาทั้งหมด” จูเนียร์ กล่าว

“พวกเรานั่งดูอิตาลี เล่นกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ผมดูแล้วคิดเลยว่า ถ้าพวกเขาเล่นได้แค่นี้ พวกเขาไม่มีทางชนะเราได้หรอก ซึ่งผมก็คิดว่าพวกเขาเล่นได้เท่านี้แหละ” ออสการ์ กล่าวเสริม ซึ่งแสดงถึงความประมาทของนักเตะบราซิลต่อทีมชาติอิตาลีอย่างชัดเจน 

ใคร ๆ ก็คิดว่า บราซิลจะผ่านอิตาลีเข้าสู่รอบต่อไปได้ไม่ยาก แต่เกมในวันนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด มันไม่ใช่เรื่องราวที่บราซิลจะมาถล่มอิตาลี แต่เป็นเกมการแข่งขันสุดสนุกที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึึ่งในเกมฟุตบอลที่ดีที่สุดตอลดกาล 

อิตาลีขึ้นนำไปก่อนจาก เปาโล รอสซี่ เป็นการยิงที่เฉียบขาดจากยอดกองหน้าฝั่งอัซซูรี่ตั้งแต่เข้าสู่ช่วง 5 นาทีของเกมเท่านั้น 

ขณะที่ประตูตีเสมอของบราซิลเองก็ไม่ต้องรอนาน โซคราเตสไปอยู่สนามฝั่งอิตาลีให้บอลกับซิโก้ที่พยายามหันเหความสนใจแนวรับตัวแกร่ง อย่าง เคลาดิโอ เจนติเล่ ด้วยการเปลี่ยนจังหวะเร็วแทงทะลุช่องให้โซคราเตส หลุดเข้าไปยิงมุมแคบผ่าน ดิโน่ ซอฟฟ์ ไปได้ ในนาทีที่ 12 

แม้จะตีเสมอได้รวดเร็ว แต่นักเตะบราซิลกลายเป็นยิ่งเล่นก็ยิ่งเครียด เพราะพวกเขายิงประตูขึ้นนำอิตาลีไม่ได้สักที จนกลายเป็นการก่อความผิดพลาด ด้วยการจ่ายบอลผิดในแนวรับหน้าประตู ไปเข้าทางเปาโล รอสซี่ และกองหน้าชาวอิตาลียิงเต็มแรง ส่งบอลเข้าตาข่ายให้อิตาลีนำ 2-1 จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

Getty Images

เซเรซโซ่ที่จ่ายบอลพลาดถึงกับร้องไห้เสียใจกับความผิดพลาด จนจูเนียร์ต้องขู่ว่า เขาจะซัดหน้าเซเรซโซ่ ถ้าไม่ยอมหยุดร้องไห้ แสดงถึงความกดดันขั้นสุดที่พวกเขามีในเกมนี้

บราซิลชุดนี้คือทีมที่เล่นด้วยสัญชาตญาณ ไม่ใช่ความคิด แต่เมื่อทีมถูกขึ้นนำพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกดดัน มีความคิดมากมายเข้ามาในหัว พวกเขาควรจะเปลี่ยนวิธีการมาเล่นเพื่อเอาผลเสมอ และเข้ารอบไปแบบไม่ต้องเสี่ยง หรือเดินหน้าเล่นเกมบุกสวยงามต่อไป แม้อาจเสี่ยงกับความพ่ายแพ้ 

กลับไปในช่วงครึ่งหลัง บราซิลเดินหน้าสร้างโอกาสยิงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ได้แค่เสียว จนเหมือนว่าอะไร ๆ ก็ไปเข้าทางอิตาลีทั้งหมด แต่สุดท้ายฟัลเกาที่ค้าแข้งอยู่ในอิตาลีกับโรม่า ก็ยิงไกลใส่จนบอลผ่านมือ ดิโน่ ซอฟฟ์ ที่ไม่ทันตั้งตัว ช่วยให้บราซิลตีเสมอเป็น 2-2

ถึงตอนนี้ บราซิลต้องเลือกแล้วว่า พวกเขาจะบุกต่อ หรืออุดเพื่อรักษาสกอร์ และพวกเขาเลือกวิธีหลัง 

เทเล่โค้ชของทีม เลือกถอดแซร์จินโญ่ กองหน้าตัวเป้าออก และเสริมแดนกลาง อย่าง เปาโล อิซีโดโร่ ลงไปแทน 

“ทีมของเราคือทีมที่บุกเพื่อเอาประตู เราคือทีมที่ดีที่สุด สวยงามที่สุด และเล่นได้ดีที่สุด ไม่มีทีมไหนเหมือนทีมชุดนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมโค้ชตัดสินใจแบบนั้น” ลุยซินโญ่ เซ็นเตอร์แบ็คของทีมชุดนั้นกล่าว 

สุดท้ายเทเล่เลือกทางที่ผิดพลาด เปาโล รอสซี่ ปั่นฟรีคิกสุดสวยให้อิตาลีขึ้นนำ ในนาทีที่ 74 และบราซิลที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้า ไม่มีพลังมากพอที่จะเอาประตูคืน จบเกมด้วยชัยชนะอิตาลี เหนือ บราซิล 3-2 และทีมฟุตบอลที่สวยงามที่สุดของโลกไปไม่ถึงฝันที่พวกเขาคิดไว้

Getty Images

“มันมีแต่ความเศร้า พวกเราทุกคนจมดิ่งในความทุกข์ ร้องไห้กันทั้งวัน แม้แต่ทุกวันนี้ ผมก็ยังร้องไห้กับมันอยู่” ลุยซินโญ่ กล่าว พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

ความมหัศจรรย์ของทีมชาติบราซิลชุดนี้ จบลงแต่เพียงเท่านี้ พวกเขาไม่ได้ไปถึงรอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำ หลังความพ่ายแพ้ในคราวนี้ น่าเสียดายสำหรับทีมที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แฟนฟุตบอลทุกคนจะต้องหลงรัก 

แน่นอนว่าหลายคนมองว่าวิธีการของพวกเขานั้นไร้เดียงสาเกินไป กับการอยากจะเล่นแต่เกมรุก ไม่สนใจเกมรับ แต่เราก็ได้เห็นถึงความเหนือชั้นของพวกเขา มาตรฐานที่ถูกสร้างขึ้นจากทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 1982 ที่เป็นอิทธิพลของโลกฟุตบอลมาจนถึงปัจจุบัน

เทเล ซานตาน่า ผู้จัดการทีมชาติบราซิลกล่าวในงานแถลงข่าวให้กำลังใจลูกทีมหลังตกรอบว่า “รู้เอาไว้เถิดว่าทั้งโลกหลงรักพวกคุณ” ก่อนที่นักข่าวในห้องกว่า 300 คนลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของทีมชาติบราซิลชุดนี้  

“ผมคิดว่าทีมชุดนี้คือทีมชาติบราซิลที่แท้จริง พวกเราแสดงให้เห็นถึงศิลปะของฟุตบอล ผมรู้ว่ามันมีความหมายมากแค่ไหน สำหรับแฟนฟุตบอลทุกคน” ออสการ์ กล่าว 

สุดท้ายแล้ว ทีมฟุตบอลบราซิลในปี 1982 ไม่ได้เป็นที่รักของผู้คนเพราะเป็นแชมป์ แต่ผู้คนหลงไหลการเล่นของพวกเขา มันยอดเยี่ยม, มีประสิทธิภาพ เหมือนเราได้ดูงานศิลปะที่เหล่าจิตรกรในคราบนักฟุตบอล พยายามแต่งแต้มวิธีการในการพาลูกบอลเข้าไปตุงตาข่าย มันคือปรัชญา, จินตนาการ และความสง่างามของพวกเขา ที่ได้แสดงให้เห็นในสนามฟุตบอล

“ศิลปะของฟุตบอลคือการที่ผู้เล่นได้โชว์เทคนิคของตัวเอง ศิลปะของฟุตบอลคือการได้เล่นฟุตบอลในสิ่งที่ไม่มีใครคาดเดาได้ และแฟน ๆ ก็คาดไม่ถึง เพื่อสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน”

“เราเล่นเพราะต้องการยิงประตูเท่านั้น เราไม่เล่นตุกติก ไม่ใช่วิธีการที่สกปรกเพื่อจะเป็นผู้ชนะ อย่างน้อยผมก็คิดว่าในปี 1982 เราได้ฝากฟุตบอลที่เป็นศิลปะที่สวยงามที่สุดเอาไว้แล้ว ทุกคนจะพูดถึงแต่ทีมของเรา” ซิโก้ กล่าว ซึ่งเป็นคำนิยามทีมฟุตบอลชุดนี้ได้ดีที่สุดแล้ว

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.