ราชันไร้บัลลงดอร์ : ฟร้องค์ รีเบรี่ ปีกปีศาจที่หัวใจแกร่งกว่าฝีเท้า

The Sporting News

ราชันไร้บัลลงดอร์ : ฟร้องค์ รีเบรี่ ปีกปีศาจที่หัวใจแกร่งกว่าฝีเท้า image

ฟร้องค์ ริเบรี่ ถูกจดจำในฐานะหนึ่งในตำนานของบาเยิร์น มิวนิค กับการคว้าแชมป์มามากมายร่วมกับสโมสร และมีฟอร์มการเล่นที่เคยถูกขนานนามว่า ถูกปล้นรางวัลบัลลงดอร์ไป 

รีเบรี่มีช่วงเวลาที่ดี ตั้งแต่ช่วงต้นอาชีพ จนถึงปลายอาชีพ แต่กว่าที่ปีกรายนี้จะกลายมาเป็นตำนานของบาเยิร์น มิวนิค หรือกลายเป็นที่จดจำในโลกลูกหนัง ก็มีหลากหลายเรื่องราวให้พูดถึง 

เส้นทางสู่ยอดนักเตะ

ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 2 ขวบเท่านั้น ริเบรี่ได้ประสบอุบัติเหตุ จากการที่คุณพ่อของเขาขับรถชน ริเบรี่ในตอนนั้นกระเด็นทะลุกระจกรถ จนมีแผลยาวที่ใบหน้าจนมีการเย็บถึง 100 เข็มเลยทีเดียว 

นั่นคือจุดเริ่มต้นของการมีจิตใจที่แข็งแกร่งของนักเตะรายนี้ เขาไม่เคยอายที่จะย้อนพูดถึงเรื่องราวเก่า ๆ ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครรู้จักเขา แต่มันก็เป็นเพราะแผลนี่แหละทำให้หลายคนมองเขาแปลก ๆ ยิ่งบวกกับความจริงที่ว่า รีเบรี่มาจากครอบครัวฐานะยากจน แถมมาจากครอบครัวนับถือศาสนาอิสลาม ยิ่งทำให้เขาไร้ตัวตนในสังคมนี้

หลายคนอาจหนีจากความจริง แต่ริเบรี่ไม่เคยหนีไปไหน และต่อสู้กับมันมาเสมอ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเตะที่มีสภาพจิตใจยอดเยี่ยม

โดยรีบเรี่เริ่มการเป็นนักเตะนับตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนร่วมในทีมชุดเยาวชนของลีลล์ ไม่นานจากนั้น ก็ได้กลับไปในทีมบ้านเกิดของเขาอย่างบูโลญ ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของเขาที่ได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ 

จากนั้นก็ได้ไปอยู่ทั้งสโมสรอาแล็ส,เบรสต์ และ เอฟซี เม็ตซ์ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่เขาได้ทำตามความฝันคือการได้เล่นในลีกเอิง ตามแบบที่เขาต้องการจะทำให้ได้มาเสมอ 

หลายคนคงจำความยอดเยี่ยมของรีเบรี่ได้ดี แต่เขาไม่ใช่นักเตะที่เก่งมาตั้งแต่เกิด และฤดูกาลแรกในลีกเอิง เขายิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น จนถึงกับต้องย้ายออกไปเล่นในลีกรองของยุโรปที่เดียว กับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น

franck-ribery-FTR-012014.jpg

การออกไปนอกประเทศครั้งแรกในการค้าแข้งของเขา เป็นช่วงเวลาที่เขาได้ไปโชว์ฟอร์ม กับกาลาตาซารายทีมดังของตุรกี ซึ่งแม้ว่าจะมีเวลาได้ลงเล่นสั้น ๆ เพียงครึ่งฤดูกาล แต่เขาก็ได้แชมป์เตอร์กิชคัพ หลังช่วยทีมถล่มเฟเนร์บาห์เช่ในนัดชิงชนะเลิศ 5-1 

ริเบรี่ได้กลับฝรั่งเศสไปอยู่กับโอลิมปิก มาร์กเซย อีกราว 2 ฤดูกาล ช่วยทีมเข้าชิงชนะเลิศกุปเดอฟร็องส์ทั้ง 2 ฤดูกาล ก่อนจะถึงเวลาที่เขาจะได้เจอกับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่ชีวิตของเขา 

ช่วงที่ดีที่สุดกับเสือใต้

บาเยิร์น มิวนิค ที่พยายามจะสร้างทีมกลับขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของยุโรปอีกครั้ง ยอมจ่ายเงิน 25 ล้านยูโรคว้าตัวริเบรี่มาร่วมทีม ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นค่าตัวระดับสถิติสโมสรในซัมเมอร์ปี 2008 โดยที่เขาได้รับเสื้อเบอร์ 7 ในทันทีหลังจากที่กองกลางอย่างเมห์เม็ท โชล ที่รีไทร์ไป 

นั่นคือความคาดหวังจากเสือใต้ที่ริเบรี่ได้รับตั้งแต่วันแรกที่เขาได้ย้ายข้ามฟากมา โดยที่เริ่มแรกริเบรี่กลายเป็นคู่หูกับลูก้า โทนี่ที่พึ่งย้ายมาในฤดูกาลเดียวกัน ช่วยทีมคว้าทุกแชมป์ในประเทศทั้งบุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และ ลีกาโพคาล 

รวมถึงผลงานในยุโรป ก็ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศของยูฟ่าคัพ พร้อมกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำบุนเดสลีกา และเขายังโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่องเรื่อย ๆจนทำให้หลายทีมในยุโรปเข้ามาสนใจ 

ด้วยความสนใจจาก เชลซี , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , บาร์เซโลน่า , เรอัล มาดริด หรือรวมถึงอินเตอร์ มิลาน ต่างแสดงความสนใจปีกชาวฝรั่งเศสรายนี้ หลายสโมสรพร้อมจ่ายค่าตัวหลัก 65 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นจำนวนที่แพงมาก ๆ ในตอนนั้น 

แต่ฝั่งบาเยิร์นเองก็รั้งเต็มที่ เพราะรู้ว่านี่คือยอดนักเตะที่จะสามารถพึ่งพาเขาไปได้ในอีกหลายปีในการช่วยทีมกวาดแชมป์ รวมถึงการกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งในฟุตบอลยุโรปซึ่งพวกเขาห่างหายมาเป็นเวลานาน 

สุดท้ายเจ้าตัวอยู่ต่อกับเสือใต้แ ละยังโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งในฤดูกาลนั้นเองก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคู่หูร็อบเบรี่ หลังจากอาร์เยน ร็อบเบน เข้ามาผนึกกำลังในฐานะปีกทางฝั่งขวา 

Robben Ribery - cropped

ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล ผลงานส่วนตัวของเขาเองถือว่าทำได้ดีอย่างต่อเนื่องเวลาได้ลงสนาม จะมีแค่ปัญหาอาการบาดเจ็บเท่านั้นที่คอยรั้งผู้ชายคนนี้เอาไว้

โปรเจกต์ของเสือใต้เข้าใกล้ความจริงเข้าไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในฤดูกาล 2011/12 ที่นัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก จะไปจัดในสนามอัลลิอันซ์อารีน่า รังเหย้าของพวกเขา  ทีมที่นำโดยจุ๊ปป์ ไฮย์เกส ผู้จัดการทีมในตำนานชาวเยอรมันพร้อมพาทีมชุดนั้นสู่เป้าหมาย การลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา,เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเข้าสู่โค้งสุดท้าย โดยที่ริเบรี่มีผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งในตอนนั้น 

แต่สุดท้ายเหมือนฟ้าถล่มเมื่อพวกเขาดีแล้วแต่ยังไม่ดีพอ แชมป์ในประเทศพวกเขาพลาดทั้ง 2 ถ้วยให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และในแชมเปี้ยนส์ลีกพวกเขาต้องแพ้จุดโทษต่อเชลซีคารังเหย้าของตัวเอง นั่นคือความผิดหวังครั้งใหญ่ที่ยาก จะมีใครกลับมาได้ 

ริเบรี่พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิค รวมใจไปที่เป้าหมายเดียวกับคือลบความผิดหวังในฤดูกาลก่อน นั่นทำให้ฤดูกาล 2012/13 เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาเยิร์น มิวนิค 

โดยที่ตัวของริเบรี่เป็นส่วนสำคัญจนหลายคนพร้อมใจว่านี่แหละนักเตะที่คู่ควรกับการคว้าบัลลงดอร์ในปีนั้น ผลงาน 11 ประตู 23 แอสซิสต์ช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค กวาดทุกแชมป์ที่พวกเขาพลาดไปในฤดูกาลก่อนหน้า 

ทั้งบุนเดสลีกาที่จบอันดับเหนือกว่าดอร์ทมุนด์แชมป์เก่า, คว้าเดเอฟเบ โพคาลด้วยชัยชนะเหนือสตุทท์การ์ท และชนะดอร์ทมุนด์ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกที่สนามเวมบลีย์ คว้าสามแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร 

นี่คือผลงานที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ กับบาเยิร์น มิวนิคและริเบรี่ไม่ใช่แค่นักเตะที่ดีที่สุดในทีมชุดนี้ แต่ริเบรี่ก็อยู่ในจุดที่กล้าพูดได้ว่าเขาคือนักเตะที่ดีที่สุดในยุโรป ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว และได้รับการคาดการณ์ว่า จะได้รับรางวัลบัลลงดอร์ 

แม้ว่าสุดท้ายเขาจะไม่ได้บัลลงดอร์ก็ตามแต่ว่าเขาก็ยังได้รางวัลส่วนตัวมากมายในปี 2013 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตของชายที่ชื่อว่า ฟร้องค์ ริเบรี่    

Franck Ribery - cropped

นับถอยหลังวันจากลา  

ด้วยสไตล์การเล่นของริเบรี่ ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว กับการเล่นปีกริมเส้น พร้อมสไตล์การเล่นเลี้ยงฝ่าแนวรับ มีโอกาสที่จะโดนเตะจนเจ็บได้ มิหนำซ้ำเขายังเคยมีปัญหาอาการบาดเจ็บติดตัวมาอยู่แล้ว 

โดยเจ้าตัวได้เจอกับอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ในช่วงปี 2015 ที่ถือเป็นอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่เริ่มทำให้เขาห่างจากการเป็นคนสำคัญของเสือใต้มากขึ้น ริเบรี่กลับมาโชว์ฟอร์มสุดยอดได้เป็นครั้งคราวในช่วงเวลาหลังจากนั้น ไม่ได้เป็นตัวหลักเหมือนในอดีต

ในวันสุดท้ายของเขากับบาเยิร์น เหมือนกับเป็นการเขียนบทเอาไว้ ในเกมนัดสุดท้ายของบุนเดสลีกาฤดูกาล เขาลงไปทำประตูในเกมที่เอาชนะไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 คว้าแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาล 2018-19 ได้สำเร็จ หลังต้องลุ้นกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จนถึงนัดสุดท้าย 

ก่อนจะลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาล และคว้าแชมป์อีกถ้วย นั่นทำให้ริเบรี่คว้าแชมป์ร่วมกับเสือใต้มากถึง 24 แชมป์ด้วยกัน ถือเป็นการอำลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับตำนานรายนี้   

เส้นทางต่อไปของ ริเบรี่คือการไปเล่นที่เซเรีย อา เขาได้ไปโชว์ลวดลายที่ฟิออเรนติน่า ตามด้วยการช่วยซาแลร์นิตาน่าน้องใหม่ของลีกหนีตกชั้น ซึ่งเขาช่วยได้สำเร็จ 

Franck Ribery Fiorentina

สิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเขาก็คืออาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงานเขาในวันที่ร่างกายเขาแย่ลงไปตามวัย ริเบรี่ในวัย 39 ปี ยังอยากจะโลดแล่นบนเส้นทางลูกหนังอยู่ แต่ต้องแขวนสตั้ดตั้งแต่ช่วงกลางฤดูกาลในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งได้มีการยกเลิกสัญญา ก่อนรับสัญญาโค้ชต่อไปกับสโมสรซึ่งจะหมดลงในซัมเมอร์ปี 2024 นั่นคือความตั้งใจต่อไปในเสียทางของนักเตะตำนานผู้นี้ 

ตลอดอาชีพการค้าแข้งของริเบรี่ถือว่าเป็นที่น่าจดจำ เขาคือนักเตะที่ไม่ยอมใครและมีใจสู้อยู่เสมอ 

แม้ว่าน่าเสียดายที่สุดท้ายเขาไม่เคยได้บัลลงดอร์ตามที่ใครหลายคนอยากให้เป็น แต่นั่นไม่ได้ลดคุณค่าของเขาลงเลย 

เขายังคงเป็นยอดนักเตะ เขายังคงเป็นตำนานที่แฟนๆบาเยิร์น มิวนิครักอยู่เสมอ และผู้คนจะจดจำฟร้องค์ ริเบรี่ ในฐานะหนึ่งในสุดยอดนักเตะตลอดไป

 

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.