ย้อนรอย แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์ ฤดูกาล 1998-1999 : พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

James Taweepong

ย้อนรอย แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์ ฤดูกาล 1998-1999 : พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก image

ย้อนรอย แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์ ฤดูกาล 1998-1999 : พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

เป็นเวลาเกือบ 24 ปีแล้วด้วยกันที่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้า 3 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) ในฤดูกาล 1998-99 และจนถึงในตอนนี้ก็ยังไม่มีทีมจากอังกฤษทีมไหนคว้า 3 แชมป์รายการใหญ่ได้อีกเลย

ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรง ในฤดูกาลนี้เพื่อนบ้านน่ารำคาญของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นมีโอกาสคว้า 3 แชมป์ได้มากที่สุดแล้ว โดยในตอนนี้ทัพเรือใบสีฟ้าคว้าไปแล้ว 1 แชมป์คือ พรีเมียร์ลีก ส่วน เอฟเอ คัพ พวกเขาต้องเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องเจอกับ อินเตอร์ มิลาน

อย่างไรก็ตาม ทาง The Sporting News จะพาไปดูเส้นทางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1998-99 กันว่าพวกเขาเจอกับอะไรมาบ้าง ก่อนผงาดคว้า 3 แชมป์ในบั้นปลาย

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันฟุตบอลประจำวันได้ที่นี่

พรีเมียร์ลีก

ในฤดูกาลนั้นต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เลย เพราะพวกเขามีทีมแชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้าอย่าง อาร์เซนอล ที่คุมทัพโดย อาร์แซน เวนเกอร์ คอยขวางทางอยู่

โดย 2 นัดแรกของฤดูกาลพวกเขาสะดุดเสมอทั้งสองนัดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่ในช่วงกลางเดือนกันยายนพวกเขาจะบุกไปพ่ายให้กับ อาร์เซนอล ถึง 3-0 จากนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แพ้อีก 2 นัดให้กับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ และ มิดเดิ้ลสโบรห์

แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ฺลีกฤดูกาลนั้น เพราะต่อจากนั้นอีก 20 นัด  แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไปได้ทั้งหมด 14 นัด และเสมออีก 6 นัด เข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหนือ อาร์เซนอล ด้วยคะแนนห่างเพียงแค่แต้มเดียว

เอฟเอ คัพ

ความมันของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึก เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนั้น เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศที่พบกับ อาร์เซนอล ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้นยังมีการใช้ระบบรีเพลย์ในรอบรองชนะเลิศอยู่ โดยในรอบรองชนะเลิศครั้งแรกพวกเขาเสมอกันไปก่อน 0-0

และความสนุกที่แท้จริงนั้นมาเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศนัดรีเพลย์ที่สนาม วิลลา พาร์ค โดย แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นออกนำไปก่อนในครึ่งแรกจาก เดวิด เบ็คแฮม ก่อนที่ในครึ่งหลัง เดนนิส เบิร์กแคมป์ จะมาทำประตูตีเสมอให้กับ อาร์เซนอล

หลังจากประตูตีเสมอของ เบิร์กแคมป์ สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นไม่สู้ดีเอาเสียเลยเพราะพวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่นสิบคน จากการที่ รอย คีน นั้นโดนใบเหลืองใบที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

และไม่นานหลังจากนั้นทัพปีศาจแดงก็ต้องมาเสียจุดโทษให้กับ อาร์เซนอล จากการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษของ ฟิล เนวิลล์ แต่เหมือนพระเจ้าจะยังเข้าข้าง แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะ ปีเตอร์ ชไมเคิล เซฟลูกยิงของ เบิร์กแคมป์ เอาไว้ได้ ทำให้ทั้งสองทีมต้องไปเล่นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

โดยในนาทีที่ 109 หนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของ เอฟเอ คัพ ก็ได้ขึ้นจากจังหวะที่ ไรอัน กิ๊กส์ โซโล่เดี่ยวครึ่งสนามเข้าไปยิงแสกหน้าใส่ เดวิด ซีแมน ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยชัยชนะของทัพปีศาจแดง และไปเข้าชิงกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะ นิวคาสเซิล ไปได้แบบสบาย ๆ 2-0 จากการทำประตูของ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม พอล สโคลส์ ผงาดคว้าแชมป์ถ้วยที่ 2 ของฤดูกาลได้สำเร็จ

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

สำหรับถ้วยยุโรปของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องเจอกับงานยากตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เพราะมีทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลนา อยู่ร่วมกลุ่มกับพวกเขาด้วย

แต่สุดท้ายทัพปีศาจแดงก็สามารถจบได้ในอันดับ 2 ของกลุ่ม โดยอันดับ 1 คือ บาเยิร์น มิวนิค ส่วน บาร์เซโลนา นั้นตกรอบแบ่งกลุ่มไปด้วยการคว้าอันดับ 3

และในรอบน็อคเอาท์ตั้งแต่รอบ 8 ทีม (ในตอนนั้นยังไม่มีการแข่งขันรอบ 16 ทีม) ก็ต้องบอกว่าไม่มีรอบไหนที่เป็นงานง่ายสำหรับพวกเขาเลย เพราะด่านแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือ อินเตอร์ มิลาน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ผ่านทัพงูใหญ่มาได้ด้วยผลสกอร์รวม 2 นัด 3-1

ในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาต้องเจอกับยักษ์ใหญ่จาก อิตาลี อีกหนึ่งทีมอย่าง ยูเวนตุส ที่ในนัดแรกพวกเขาก็เกือบแพ้ถ้าหากไม่ได้ประตูตีเสมอช่วงท้ายเกมของ ไรอัน กิ๊กส์ ก่อนที่ในนัดที่สอง แมนฯ ยูไนเต็ด จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปเอาชนะ ยูเวนตุส ได้ถึงตูริน 3-2 ทำให้สกอร์รวมพวกเขาชนะ 4-3 ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศกับ บาเยิร์น มิวนิค

แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ บาเยิร์น มิวนิค เคยเจอกันมาก่อนแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม แต่พวกเขาก็เสมอกันไปทั้งสองนัดทั้งไปและกลับ อย่างไรก็ตาม ทัพปีศาจแดงนั้นเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่นอย่างมากเพราะ 2 กองกลางคนสำคัญอย่าง รอยคีน และ พอล สโคลส์ ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบในนัดที่พบกับ ยูเวนตุส (ในขณะนั้นยังไม่มีการล้างใบเหลืองก่อนรอบรองชนะเลิศ)

มากันที่เกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นมาเสียประตูให้กับ บาเยิร์น ตั้งแต่ต้นเกมจากฟรีคิกของ มาริโอ บาสเลอร์ ในนาทีที่ 6 จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่โดน บาเยิร์น ไล่บี้ทั้งเกมก็เกือบจะเสียประตูอยู่หลายครั้ง แต่เหมือนพวกเขาพกดวงแชมป์มาอย่างเต็มที่ ก็ทำให้ยังโดนนำอยู่ลูกเดียว

และผ่านไปจนครบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่มีท่าทีจะทำได้แม้แต่ประตูตีเสมอก็มาทำได้ 2 ประตูรวดจาก เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ในนาทีที่ 90+1 และ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ในนาทีที่ 90+3 ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ฝ่านรกคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหนือ บาเยิร์น ไปได้อย่างเหลือเชื่อ

11 ตัวจริงและสตาร์ดัง

ในฤดูกาลนั้นต้องบอกว่าทุกคนนั้นแทบจะเป็นสตาร์ดังของทีมในแต่ละตำแหน่งเลย แต่ผู้เล่นที่ดูจะเป็นดาวเด่นของทีมจริง ๆ ก็คงหนีไม่พ้น เดวิด เบ็คแฮ็ม ปีกขวาหมายเลข 7 ที่ทำให้ใครหลายคนกลายมาเป็นแฟนบอลของทัพปีศาจแดง

ส่วนผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั้ง ปีเตอร์ ชไมเคิล, รอนนี ยอห์นเซน, ยาป สตัม, เดนิส เออร์วิน, รอย คีน, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล ต่างก็เป็นส่วนสำคัญที่พา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์กันทุกคน

แมนฯ ยูไนเต็ด 1998-1999 (4-4-2)

ปีเตอร์ ชไมเคิล - รอนนี ยอห์นเซน, ยาป สตัม, เดนิส เออร์วิน - เดวิด เบ็คแฮ็ม, รอย คีน, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์ - ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

James Taweepong

James Taweepong Photo

นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้รักในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก