สตีเวน เจอร์ราร์ด คือสัญลักษณ์อันดับหนึ่งเมื่อเราพูดถึงสโมสรลิเวอร์พูลในยุค 2000s แม้จะไม่เคยคว้าแชมป์ลีกกับทีม แต่ความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะแชมป์ยุโรป และอีกมากมาย ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะถูกจำกัดไว้ด้วยจุดด่างพร้อยเดียว
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า ครั้งหนึ่งนักเตะรายนี้เคยประกาศขอย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ แม้เพิ่งประสบความสำเร็จกับสโมสร เพื่อย้ายไปเป็นส่วนหนึ่งของเชลซี ทีมที่เจอร์ราร์ดเชื่อว่าสานฝันคว้าแชมป์ลีกให้เกิดขึ้นได้จริง
หัวใจวิ่งไปลอนดอน
แตกต่างจากภาพลักษณ์ตำนานลิเวอร์พูลอย่างทุกวันนี้ ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่น สตีเวน เจอร์ราร์ด ไม่ต่างจากนักเตะทั่วไปที่มีความทะเยอทะยานจะประสบความสำเร็จ ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายสมัย และทีมหนึ่งที่เจอมีความสนใจอยากย้ายไปร่วมทีมเป็นพิเศษคือ เชลซี
หลังสโมสรจากกรุงลอนดอนแห่งนี้ถูกเทคโอเวอร์โดยโรมัน อับราโมวิช ทัพสิงห์บลูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว หลังการคว้า โชเซ มูรินโญ ยอดกุนซือชาวโปรตุเกสเข้ามาสู่สโมสร พร้อมกับทุ่มเงินมหาศาลเพื่อล่านักเตะฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีม
เจอร์ราร์ดมองความสำเร็จของเชลซีเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์ของลิเวอร์พูลในเวลานั้น เมื่อกุนซือรายใหม่ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ย้ายเข้ามาสู่ทีมในฤดูกาล 2004-05 ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่เจอร์ราร์ดได้
เนื่องจากผู้จัดการทีมชาวสเปนไม่มีแผนในอนาคตที่ชัดเจนพอ อันเป็นเหตุมาจากงบประมาณที่จำกัดของสโมสรอีกที ซึ่งเรื่องนี้เจอร์ราร์ดมองว่าอาจเป็นอุปสรรคในอาชีพการค้าแข้งของเขา
ทางฝั่งมูรินโญเองก็ต้องการเจอร์ราร์ดเข้ามาร่วมทีมเชลซีเช่นกัน กุนซือชาวโปรตุเกสมองว่ากองกลางทีมชาติอังกฤษ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกเวลนั้น มูรินโยถึงกับเอ่ยปากเรื่องนี้โดยตรงกับเหล่าแข้งสิงโตคำรามของเชลซี เพื่อหาทางร่วมมือกันโน้มน้าวใจชวนเจอร์ราร์ดย้ายสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ให้สำเร็จ
ข้อเสนอของเชลซี
ช่วงหน้าร้อนปี 2004 เชลซีตัดสินใจยื่นข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวเจอร์ราร์ดมาร่วมทีม แน่นอนว่านี่เป็นตัวเลขที่น้อยเกินไปสำหรับลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ดเองยังไม่อยากกลายเป็นตัวปัญหาของทีม จึงยอมเห็นด้วยกับสโมสรและเลือกปฏิเสธโอกาสย้ายทีมแต่โดยดี แม้ใจลึก ๆ ของเขาจะยังสนใจเชลซีอยู่ก็ตาม
อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมระดับตำนานของอาร์เซนอล เคยเอ่ยปากในช่วงปลายปี 2004 ว่า ท้ายที่สุดเชลซีจะได้นักเตะที่พวกเขาต้องการ และนี่อาจเป็นการตัดสินใจเพียงชั่วคราวของเจอร์ราร์ด
เพราะเป็นที่รู้กันดีเวลานั้นว่า กองกลางทีมชาติอังกฤษจะย้ายทีมอย่างแน่นอน หากลิเวอร์พูลไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถก้าวไปแข่งขันกับ อาร์เซนอล, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการแย่งแชมป์ลีกได้
สถานการณ์ของเจอร์ราร์ดกับต้นสังกัดยิ่งย่ำแย่ เมื่อลิเวอร์พูลจบพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2004-05 ด้วยอันดับห้าของตาราง และมีแต้มห่างจ่าฝูงอย่างเชลซี 37 แต้ม ข่าวสะพัดเรื่องที่เขาต้องการย้ายไปเชลซีแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นได้ยินแฟนบอลหงส์แดงร้องเพลงด่าเจอร์ราร์ดว่าเขาเป็นคนทรยศ และต้องการย้ายไปสู่กรุงลอนดอนเพื่อเงิน
เสียงเพลงเหล่านี้หายไปเมื่อเจอร์ราร์ดช่วงพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่กรุงอิสตันบูล และหลายคนก็เชื่อมั่นว่า เจอร์ราร์ดอาจเปลี่ยนใจอยู่กับทีมต่อไป แต่เรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ 6 สัปดาห์หลังความยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์สโมสร เจอร์ราร์ดตัดสินใจยื่นคำขอขึ้นบัญชีขายอย่างเป็นทางการ
ข่าวร้ายกลายเป็นดี
ปัญหาสำคัญระหว่างลิเวอร์พูลกับเจอร์ราร์ดขณะนั้น คือเรื่องการเจรจาต่อสัญญาใหม่ที่ไม่คืบหน้า หลังกองกลางทีมชาติอังกฤษเหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์เพียงสองปี และต้องการสัญญาฉบับใหม่ที่ดีที่สุดในช่วงอายุ 25 ปี ซึ่งเจอร์ราร์ดมองว่าเป็นจุดพีคของอาชีพนักเตะ
มีข่าวลือแม้กระทั่งว่า เรอัล มาดริด อาจเข้ามาร่วมวงกระชากเจอร์ราร์ดไปร่วมทีม แต่ท้ายที่สุด เชลซีกลายเป็นฝ่ายให้ความสนใจจริงจัง จนตัดสินใจยื่นข้อเสนอสถิติฟุตบอลอังกฤษในเวลานั้น 32 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเจอร์ราร์ดมาร่วมทีม แต่ทางฝั่งหงส์แดงปฏิเสธข้อเสนอทันควัน ซึ่งเรื่องนี้นำมาสู่การขอขึ้นบัญชีขายอย่างเป็นทางการของเจอร์ราร์ด
เรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากนั้น เหล่า เดอะ ค็อป พากันต่อว่าเจอร์ราร์ดเป็นคนทรยศ ซึ่งเจ้าตัวไม่สบายใจในเรื่องนี้ จนเริ่มกลับมาขบคิดเรื่องการย้ายทีมอย่างจริงจัง ขณะที่ทางฝั่งสโมสรได้รับแรงกดดันเช่นเดียวกัน เนื่องจากความพยายามต่อสัญญาเจอร์ราร์ด นักเตะคนสำคัญของทีมแทบไม่ปรากฎให้เห็น
ทุกฝ่ายจึงหันหน้าเข้าหากัน และเลือกประณีประนอมเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสโมสร ก่อนตัดสินใจได้ว่าจะมีการทุ่มค่าเหนื่อยมหาศาลหนึ่งแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อต่อสัญญาแข้งรายนี้ออกไป เนื่องจากทีมได้ตัดสินใจได้แล้วว่า เจอร์ราร์ดคือนักเตะคนสำคัญที่สุดของลิเวอร์พูลในเวลานั้น
แม้ความจงรักภักดีจะทำให้เจอร์ราร์ดพลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนอย่างฝัน แต่เขาประสบความสำเร็จมากมายกับลิเวอร์พูล
และทุกวันนี้ เจ้าตัวยังพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเสียใจแม้แต่วินาทีเดียวที่ตัดสินใจไม่ย้ายร่วมทีมเชลซี นั่นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับลิเวอร์พูลในฐานะตำนานของสโมสร มีคุณค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งหมดนั่นเอง
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand
