ย้อนรอยจุดร่วง 'พอร์ทสมัธ' จากแชมป์เอฟเอคัพสู่ลีกวัน ในเวลาเพียง 5 ปี

The Sporting News

ย้อนรอยจุดร่วง 'พอร์ทสมัธ' จากแชมป์เอฟเอคัพสู่ลีกวัน ในเวลาเพียง 5 ปี image

หากจำกันได้ พอร์ทสมัธคือหนึ่งในสโมสรเล็ก ๆ ที่หลายคนประทับใจ เพราะทัพปอมป์ปีย์เคยเป็นจอมฆ่ายักษ์แห่งพรีเมียร์ลีก และก้าวไปคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 2008 ภายใต้ผู้จัดการทีมแฮร์รี่ เรดแนปป์ 

นี่คือสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหลายคนอย่างแน่นอน กับการที่ทีมนี้ที่สามารถผ่านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนไปคว้าแชมป์ในตอนจบ หลังเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ 

แต่เวลาผ่านไปได้ไม่นาน สโมสรนี้กลับมีแต่ความตกต่ำ พวกเขาตกชั้นไป 3 รอบ ร่วงไปถึงลีกทู หรือลีกระดับ 4 ของอังกฤษ แถมยังมีหนี้มหาศาลมากมาย

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับอดีตทีมที่เป็นเหมือนกับปาฏิหารย์ของพรีเมียร์ลีกได้อย่างไร มาย้อนอดีตไปพร้อมกับเรา 

สร้างทีมใหม่

ในปี 2006 อเล็กซานเดร เกย์ดามัค ทำการซื้อสโมสรพอร์ทสมัธกลายเป็นเจ้าของทีมคนใหม่ โดยเจ้าของใหม่ไฟแรงพร้อมที่จะสนับสนุนแฮร์รี่ เรดแนปป์ ผู้จัดการทีม ณ ตอนนั้นอย่างเต็มที่ ในการสร้างทีมใหม่ขึ้นมาด้วยการซื้อนักเตะดีๆ เข้าร่วมทีมด้วยราคาแพง เท่าไรก็ได้ ก็พร้อมทุ่มเพื่อให้ทีมเติบโต 

ซึ่งทันทีที่เกย์ดามัคเข้ามาก็ได้ทำการซื้อนักเตะระดับค่าตัวสถิติสโมสรอย่างเบนจานี่เข้ามา ด้วยค่าตัวประมาณ 5.5 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดอีก 3 ฤดูกาล ซึ่งเราก็จะได้เห็นนักเตะชื่อดังๆไปอยู่กับพอร์ทสมัธ ไม่ว่าจะเป็นโซล แคมป์เบลล์ , เจอร์เมน เดโฟ หรือ ปีเตอร์ เคราช์ 

Getty Images

พอร์ทสมัธกลายเป็นสโมสรที่มีการลงทุนสูงมากๆ จากชื่อที่ยกตัวอย่างไปรวมกันราคาหลายสิบล้านปอนด์ แน่นอนว่าหากย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ถือเป็นราคาที่แพงสำหรับทีมระดับเล็ก 

แต่ด้วยการลงทุนของเกย์ดามัค ทำให้พวกเขาสามารถที่จะลงเงินไปซื้อนักเตะเหล่านี้มาร่วมทีมได้ อย่างไรก็ตาม การใช้เงินมหาศาลมันก็ไม่ใช่แค่การซื้อนักเตะเท่านั้น แต่ค่าเหนื่อยก็คืออีกเรื่องสำคัญที่พวกเขาทุ่มเงินไปมากเหมือนกัน เพื่อล่อใจดาวดังเข้าร่วมทีม 

ความสำเร็จปลอมๆ

ในฤดูกาล 2007-08 ที่หลายคนมองว่าการคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้สำเร็จเป็นที่เชิดหน้าชูตาของสโมสร เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1939 ที่พวกเขาคว้าแชมป์นี้สำเร็จ ช่วงเวลานั้นนมันคือช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำความสำเร็จ แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่หลอกไม่ให้คนมองเห็น

เพราะอนาคตของพวกเขาย่ำแย่ในอีกไม่นานหลังจากนั้น เนื่องจากปัญหา 55 ล้านปอนด์สำหรับค่าเหนื่อยรวมของนักเตะต่อปี หรือแปลงเป็นเงินไทยในยุคปัจจุบันก็ประมาณ 2,374 ล้านบาท สำหรับทีมระดับนี้ถือว่าเยอะเกินไปมากๆ 

รวมถึงสโมสรขาดทุนไปมากถึง 17 ล้านปอนด์ พร้อมถึงมีหนี้ 60 ล้านปอนด์ในฤดูกาลนั้น ในส่วนของการคว้าแชมป์ก็คงจะเอาไปโม้กันได้ แต่ในมุมสโมสรเรื่องธุรกิจไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะดูท่าทางแล้วมันกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่ดี เพราะสโมสรนี้ไม่สามารถเดินได้ด้วยขาของตัวเอง ต้องพึ่งเจ้าของทีมอย่าง อเล็กซานเดร เกย์ดามัคเป็นส่วนใหญ่ๆ ในเรื่องการเงิน 

แน่นอนว่าด้วยจำนวนเงินที่ขาดทุนแบบนี้ นักธุรกิจทุกคนที่ฉลาดย่อมรู้ดีว่า การทำทีมพอร์ทสมัธไปต่อก็มีแต่เข้าเนื้อ เพราะสโมสรฟุตบอลในยุคนั้นไม่ได้มีค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลมหาศาลแบบยุคนี้ รวมถึงไม่ได้มีเงินสนับสนุนแบบสปอนเซอร์ด้วย 

Portsmouth Stadium

สุดท้ายเกย์ดามัคถอนทุนคืนทั้งหมดในปี 2008 โดยททางสโมสรไม่สามารถจะหาเงินทุนพอใช้สำหรับทีม นั่นทำให้จำเป็นต้องขายนักเตะตัวหลักออกไป โดยเฉพาะพวกที่มีค่าเหนื่อยแพง นั่นคือจุดเริ่มต้นของความตกต่ำเริ่มต้นของสโมสรนี้ 

เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน แฮร์รี่ เรดแนปป์ ออกไปอยู่กับท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์พร้อมกลับออกมาแฉว่าเงินของสโมสรพอร์ทสมัธกำลังจะหมดแล้ว 

ส่วยทางพอร์ทสมัธที่หมดเงิน ปล่อยงานให้โทนี่ อดัมส์ ที่เป็นผู้ช่วยของเรดแนปป์คุมทีมต่อ ก่อนโดนไล่ออกจากตำแหน่งหลังผ่านไปเพียง 16 เกมเท่านั้น 

โดยในปี 2009 เกย์ดามัคได้ทำการขายสโมสรให้กับ ซัลมาน อัล ฟาฮิม ที่เป็นเหมือนความหวังใหม่ของทีม แต่นี่คือจุดสุดท้ายที่แฟนพอร์ทสมัธได้มีความหวัง ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาที่พวกเขาตกต่ำแบบไม่มีวันกลับมา 

กลับสู่แฟนบอล

การเข้ามาของซัลมาน อัล ฟาฮิม ถือว่าสั้นๆเท่านั้น เพราะแหล่งเงินทุนของเขาไม่ชัดเจน นั่นจึงทำให้ฟาฮิมไม่สามารถยืมเงินมาใช้จ่ายภายในสโมสรได้ทันเวลา ทำให้สุดท้ายเขาอยู่ในฐานะเจ้าของทีมได้แค่ 50 วันเท่านั้น โดยพนักงานไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงเวลานั้น

พรีเมียร์ลีกเห็นท่าไม่ดี จึงบังคับให้เขาขายทีมต่อให้กับ อาลี อัล ฟาราจ เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกลีกเข้ามาควบคุมทางการเงิน หลายคนอาจคิดว่านี่เป็นเรื่องดี แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น 

เพราะทางฟาราจเองไม่สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้ เขาแทบไม่ได้ใช้เงินกับสโมสรเลย จนเกิดการไม่จ่ายค่าจ้างรวมถึงหนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง และถูกพรีเมียร์ลีกควบคุมทางการเงินในฤดูกาล 2009-10 จนพวกเขาถูกตัด 9 แต้ม ก่อนที่จะตกชั้นสู่เดอะแชมเปียนชิปในที่สุด 

Portsmouth League One

เจ้าของใหม่เข้ามาอีกครั้งในฤดูกาล 2011 วลาดิเมียร์ อันโตนอฟ ที่เป็นชาวรัสเซียเข้ามา แต่เหมือนกับว่าทีมนี้คงไม่มีทางกลับมาดีได้อีกแล้ว เพราะเจ้าของใหม่ของพวกเขาคนนี้ยังทำได้ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งในเวลาต่อมา อันโตนอฟกโดนหมายหมายจับ ทำให้เขาไม่สามารถเป็นเงินทุนให้สโมสรได้ก่อนโดนควบคุมกิจการอีกครั้ง 

พอร์ทสมัธต้องถูกปรับตกชั้นลงไปลีกวัน และติดลบ 10 แต้ม ทำให้ในฤดูกาล 2012-13 นักเตะพากันย้ายออกจากทีม จนตามมาด้วยความพ่ายแพ้ 23 เกมติดต่อกัน ก่อนลงไปเล่นในลีกทู 

สุดท้ายพอร์ทสมัธกลับสู่รากเหง้าของตัวเอง เพราะก่อนตกชั้นลงไปเล่นลีกทู มีการตกลงกันในช่วงปี 2013 ได้มีการตกลงซื้อทีมโดยกลุ่มทุนของแฟนบอล และแรงผลักดันจากคนที่รักทีมจริง ๆ ถึงจะไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่เงินทุกปอนด์ที่ใช้จ่ายก็เพื่อประโยชน์ของสโมสร และอย่างน้อยพอร์ทสมัธก็เลื่อนชั้นกลับมาอยู่ลีกวัน เป็นของขวัญปลอบใจของแฟนได้บ้าง 

ตอนนี้พวกเขาคงจะสบายใจได้มากขึ้นแม้อยู่เพียงลีกล่างเท่านั้น พวกเขาวนเวียนอยู่ในลีกวัน แต่ไม่ต้องทนทนทุกข์ทรมาน กับเจ้าของที่ไม่เห็นค่าพวกทีมแม้แต่นิดเดียว 

วันหนึ่งพวกเขาอาจกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่หากไม่ แฟนๆของพวกเขาก็จะยังพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ เพราะอย่างน้อยตอนนี้สโมสรก็เป็นของแฟนบอล และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป

 

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.