ฟุตบอลโลกไม่เหมือนเดิม : เมื่อ ‘เสื้อเหลือง’ ของทีมชาติบราซิลทำผู้คนในประเทศแตกแยก

Nuttanon Chankwang

ฟุตบอลโลกไม่เหมือนเดิม : เมื่อ ‘เสื้อเหลือง’ ของทีมชาติบราซิลทำผู้คนในประเทศแตกแยก image

หากคุณนึกถึงทีมชาติบราซิล ภาพแรกที่ต้องตามมาคือเสื้อฟุตบอลสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ เสื้อสีเหลืองของทีมลูกหนังบราซิล มีประวัติศาสตร์มากมาย ผ่านการคว้าแชมป์โลกถึง 5 สมัย พร้อมกับสร้างตำนานนักเตะมากมาย ทั้ง เปเล่, โรนัลโด้, โรมาริโอ, โรนัลดินโญ่, ริวัลโด้ และอีกมากมายหลายคน

ครั้งหนึ่งเสื้อสีเหลืองของทีมชาติบราซิลคือสัญลักษณ์ที่รวมใจคนให้เป็นหนึ่ง แต่ในตอนนี้ความหมายของเสื้อฟุตบอลสีเหลืองในประเทศบราซิลได้เปลี่ยนไป เพราะเสื้อเหลืองของทีมชาติบราซิลในปัจจุบัน คือสิ่งที่ผู้คนไม่กล้าใส่ในพื้นที่สาธารณะ เพราะความหมายทางการเมืองที่แสนน่ากลัวผ่านเสื้อตัวนี้ 

เสื้อฟุตบอลบราซิลเปลี่ยนเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างไร ติดตามไปพร้อมกับเรา 

เหตุเกิดเพราะฝ่ายขวาเรืองอำนาจ 

เรื่องราวความวุ่นวายในประเทศบราซิลต้องย้อนไปในช่วงเวลาที่ประเทศบราซิล มีประธานาธิบดีเป็นหญิงแกร่ง อย่าง ดิลมา รุสเซฟฟ์ ซึ่งเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของบราซิล

ย้อนไปในตอนนั้น รุสเซฟฟ์ถือเป็นความหวังของคนบราซิล เพราะเธอมาพร้อมกับนโยบายที่หวังจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น นโยบายของเธอเน้นไปที่เรื่องนี้ ทั้งการเปิดตลาดการค้าเสรี, ลดภาษีการค้า ซึ่งในช่วงแรกก็ประสบความสำเร็จดี จนทำให้เธอชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 

Getty Images

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในช่วงปี 2014 เศรษฐกิจของบราซิลเริ่มแย่ลง เสียงโจมตีจากประชาชนก็กลับมาที่รุสเซฟฟ์ นโยบายการค้าเสรีของเธอถูกมองว่าเปิดโอกาสให้กับชาวต่างชาติเข้ามาโกยผลประโยชน์ในบราซิล ขณะเดียวกันประธานาธิบดีหญิงยังถูกโจมตีว่าสนับสนุนคนที่มีแนวคิดฝ่ายซ้าย และต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้

ประเทศบราซิลแบ่งออกเป็นสองฝั่งในทันที คนที่สนับสนุนแนวคิดฝ่ายซ้ายเชื่อว่ากลุ่มฝ่ายขวาที่ไม่มีปัญญาเอาชนะการเลือกตั้ง พยายามจะสร้างข่าวลือเสียหายเพื่อล้มรัฐบาลของรุสเซฟฟ์

ขณะที่ฝ่ายขวาเชื่อว่ารุสเซฟฟ์ล้มเหลวในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังโจมตีเรื่องข่าวคอรัปชั่นของเธอ เชื่อว่าผู้นำหญิงของประเทศเข้ามาโกงกินชาติจนล้มเหลวไปกันหมด

สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายขวาที่เข้าถึงชาวบราซิลมากกว่า คนนับล้านเดินลงสู่ถนนเพื่อขับไล่รุสเซฟฟ์ออกจากตำแหน่ง โดยมีธงชาติบราซิล และสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการเคลื่อนไหว 

ด้วยแรงต่อต้านอย่างหนัก ทำให้รัฐบาลบราซิลตัดสินใจโหวตไม่ไว้วางใจ ทำให้ ดิลมา รุสเซฟฟ์ กระเด็นออกจากตำแหน่งไป ก่อนจะได้ ชาอีร์ โบลโซนาโร นักการเมืองสายขวาจัดขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ

Getty Images

ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวยในบราซิล ประชานไล่ผู้นำที่ไม่ต้องการออกไป และได้ผู้นำคนใหม่ที่มีอุดมการณ์ตรงกับแนวทางที่ประชาชนนิยมในเวลานั้น 

แต่นั่นกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และทำให้ปัญหาการเมืองในบราซิลลุกลามมากกว่าเดิม

ฮีโร่จอมปลอม

ขณะที่ประชาชนชาวบราซิลหวังให้ผู้นำคนใหม่ อย่าง ชาอีร์ โบลโซนาโร เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ที่มากู้เศรษฐกิจของประเทศ แต่โบลโซนาโรกลับกลายเป็นผู้นำที่สร้างแต่ปัญหามากมายให้กับประเทศบราซิล

ปัญหาใหญ่ของโบลโซนาโรมีทั้ง เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนใหญ่เข้าไปตัดไม้ทำลายป่าในบราซิล เพื่อโกยผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นว่าเล่น, ให้การสนับสนุนกฎหมายที่สามารถครอบครองปืนได้อย่างเสรี รวมถึงสร้างข่าวปลอมออกมาโจมตีผู้เห็นต่างทางการเมืองอยู่เป็นประจำ 

ไม่นับกับการปฏิเสธจะจัดการปัญหาช่วงที่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 เพราะไม่เชื่อเรื่องความร้ายกาจของไวรัสนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศบราซิลจากไวรัสร้ายนี้ มากกว่า 6 แสนคน 

แน่นอนว่า มีประชาชนออกมาต่อต้านโบลโซนาโร แต่ประธานาธิบดีรายนี้ก็ฉลาดพอที่จะใช้การสร้างความเชื่อผิด ๆ โจมตีคนที่ต่อต้านผู้นำรายนี้ว่า เป็นกลุ่มคน “ชังชาติ” ต่อต้านความเจริญของประเทศบราซิล โดยโบลโซนาโรยึดธงชาติบราซิลเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขา พร้อมทั้งสีเหลือง และสีเขียว ที่เป็นสีประจำชาติด้วย

Getty Images

ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าออกมาต่อต้าน เพราะโบลโซนาโรเป็นผู้นำที่บ้าอำนาจพอสมควร เขาให้การสนับสนุนพวกฝ่ายขวาหัวรุนแรง ให้สามารถใช้กำลังเล่นงานคนที่ต่อต้านประธานาธิบดีรายนี้ได้ตามอำเภอใจ

ยกตัวอย่าง เช่น ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาร์เซโล่ อโลซิโอ เดอ อารูด้า ที่สนับสนุนประธานาธิบดีคนก่อน และตัวแทนฝ่ายซ้ายลูอิซ อินาชิโอ ลูลา ดา ซิลวา ถูกยิงเสียชีวิตในวันเกิดอายุ 50 ปีของเขา

"พวกเขา [ฝ่ายสนับสนุนโบลโซนาโร] คิดว่าทุกอย่างเป็นของพวกเขา, พวกเขาบอกว่าเหมาะสมกับความหมายของครอบครัว, พวกเขาเหมาะสมกับเพลงชาติของเรา, พวกเขาเหมาะสำหรับทุกอย่าง แต่ความจริงก็คือทุกอย่างนั้นเป็นของพวกเราทุกคน ไม่มีอะไรเป็นของพวกเขา" กลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กล่าว 

เนื่องจากว่า “ความเป็นชาติบราซิล” และ “สีเหลือง” กลายเป็นสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีสายอำนาจนิยม ทำให้เสื้อฟุตบอลของทีมชาติบราซิลจึงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้สนับสนุนโบลโซนาโรไปโดยปริยายด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ฝ่ายขวาที่มองว่าเสื้อฟุตบอลบราซิลเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา แต่ฝ่ายซ้ายก็มองว่าเสื้อฟุตบอลทีมชาติบราซิลคือสัญลักษณ์ในการต่อต้านผู้นำบ้าอำนาจด้วยเช่นกัน

เพราะกลุ่มฝ่ายซ้ายได้มองว่า เสื้อทีมชาติบราซิลคือสิ่งที่แสดงออกว่า “ความเป็นชาติบราซิล” และ “สีเหลือง” เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เหมือนกับชาวบราซิลทุกคนที่มีสิทธิ์สวมเสื้อฟุตบอล 

Brazil Home 2022 World Cup kit
Nike

เนื่องจากว่าเสื้อสีเหลืองของทีมชาติบราซิล กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย ทำให้ปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นมา เพราะทั้งฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวาหัวรุนแรง ต่างคิดว่าคนใส่เสื้อทีมชาติบราซิลคือกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามที่แสดงออกถึงการต่อต้าน จึงมักลงเอยด้วยการที่คนใส่เสื้อบราซิลถูกทำร้ายร่างกายอยู่ร่ำไป

สถานการณ์ในปัจจุบันของบราซิลตอนนี้คือคนส่วนใหญ่ ไม่กล้าใส่เสื้อทีมชาติบราซิลออกจากบ้าน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย หลายคนพูดตรงกันว่า เสื้อฟุตบอลสีเหลืองของทีมชาติบราซิลไม่ใช่เสื้อฟุตบอลอีกต่อไป 

แต่มันคือสัญลักษณ์ทางการเมืองที่น่ากลัว และอันตราย ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงสักอย่าง ทำให้เสื้อฟุตบอลตัวนี้ กลับมาเป็นแค่ “เสื้อฟุตบอล” อีกครั้ง ที่สามารถใส่ไปไหนก็ได้ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก ทางออกของปัญหา? 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปัญหาทางการเมืองที่แบ่งแยกทำให้ความแข็งแกร่งในฐานะชาติของบราซิลไม่เป็นเหมือนเดิม ซึ่งส่งผลกระทบกลับมาที่ทีมฟุตบอลด้วย เพราะแม้แต่นักฟุตบอลก็รู้ได้ว่า ตอนนี้ทีมชาติบราซิลไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในชาติเหมือนในอดีต เนื่องจากชาวบราซิลรุ่นใหม่ไม่ได้เชื่อในประเทศของตัวเองอีกต่อไป

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราคือชาวบราซิล มีเลือดบราซิล เหนือกว่าทุก ๆ สิ่ง" ริชาร์ลิซอน ออกมาพูดถึงปัญหาการเมืองในประเทศ และแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เชื่อว่าบราซิลเป็นของคนบราซิลทุกคน 

Richarlison Brazil 2021

ทีมชาติบราซิลกำลังจะลุยศึกครั้งใหญ่ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีความกังวลใจพอสมควรว่าปัญหาทางการเมือง จะทำให้แรงสนับสนุนต่อทัพเซเลเซาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ไม่ดีเหมือนครั้งก่อน ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อผลงานของทีม 

"RIP เสื้อสีเหลือง" คือสิ่งที่เป็นคำพูดยอดนิยมในกลุ่มแฟนบอลชาวบราซิลที่สนใจด้านการเมือง พวกเขายอมรับว่า ไม่สามารถที่จะใส่เสื้อสีเหลืองเชียร์ฟุตบอลโลกได้อีกต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลกยังคงเป็นจุดหมุดหมายสำคัญที่หลายคนเชื่อว่า อาจพาให้คนบราซิลกลับมารวมใจเป็นหนึ่งอีกครั้ง โดยเฉพาะหากทีมชาติบราซิลทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ 

"รวมกัน เราเป็นตัวแทนของชาวบราซิลกว่า 210 ล้านคน มันเป็นของพวกเราทุกคน" นี่คือเรื่องโฆษณาของแบรนด์ Nike ผู้สนับสนุนทีมชาติบราซิลที่ปลุกใจให้แฟนบอลหันมาร่วมกันส่งใจเชียร์ทีมชาติบราซิล 

ทั้งนี้ก็ยังมีคนจำนวนมากหวังว่า ฟุตบอลโลกจะดึงคุณค่าของเสื้อสีเหลืองกลับมาอีกครั้ง ในฐานะเสื้อที่รวมใจคนทั้งชาติเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

Getty Images

"เราไม่เห็นด้วยกับคนที่บอกว่าเสื้อบราซิลสีเหลืองได้ตายไปแล้ว มันน่าเศร้าที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการประทะกันทางการเมือง มันไม่สมเหตุสมผลเลย ที่จะบอกว่าเสื้อบราซิลสีเหลือง ไม่สะท้อนถึงประเทศบราซิล" ลุยซ์ คาร์วัลโญ่ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม Green and Yellow ที่เคลื่อนไหวในการเรียกร้องให้เสื้อฟุตบอลสีเหลืองของทีมชาติบราซิล กลับมามีศักดิ์ศรีแบบในอดีตอีกครั้ง กล่าว 

นอกจากนี้ กระแสแบนเสื้อเหลืองยังก่อให้เกิดกระแสใส่เสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นเสื้อทีมเยือนของทีมชาติบราซิล เชียร์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ รวมถึงเป็นการแสดงออกทางการเมืองว่า บราซิลไม่จำเป็นต้องเป็นสีเหลืองเสมอไป สามารถเป็นสีอะไรก็ได้ที่ประชาชนอยากให้เป็น เพราะบราซิลไม่ใช่ทรัพย์สินของใครคนเดียว

“ผมหวังว่าบราซิลจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 6 ด้วยเสื้อสีน้ำเงินเพื่อประชาชนทุกคน" ชาวบราซิลรายหนึ่งกล่าว 

Thiago Silva Brazil v Australia Friendly 13062017

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าชาวบราซิลจะใส่เสื้อสีอะไรเชียร์ในฟุตบอลโลก คงไม่สำคัญกับคำถามที่ว่า ชาวบราซิลจะสามารถกลับมารวมใจให้เป็นหนึ่งเพื่อสนับสนุนทีมในฟุตบอลโลกได้หรือไม่?

เพราะทีมชาติบราซิลชุดนี้ คือตัวเต็งที่จะได้ลุ้นแชมป์พวกเขาต้องการแรงสนับสนุนจากแฟนบอล แต่หากพวกเขาล้มเหลว และไม่มีแรงสนับสนุนที่ดีพอจากคนในประเทศ ก็คงเป็นตัวอย่างที่ดีอีกครั้งว่า “ถ้าการเมืองแย่ ทุกอย่างก็แย่” เป็นเช่นนี้กับทุกประเทศ

Nuttanon Chankwang

Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand