เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 18 ผู้รักษาประตูของ อิหร่าน อย่าง “อลิเรซ่า เบย์รันวานด์” ก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป หลังจากฝืนเล่นอยู่เพียงไม่กี่นาที โดยที่ก่อนหน้าเขาได้รับบาดเจ็บที่จมูก จนทำให้เกมหยุดไปหลายนาที ทั้งนี้ทาง อิหร่าน เองก็ได้เปลี่ยนผู้รักษาประตูอย่าง “โฮสเซน โฮสเซนี” ลงมาเล่นแทน
หลังเดินหน้าบุกอยู่นาน ทีมสิงโตคำรามก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 35 จากลูกโหม่งของ “จู๊ด เบลลิงแฮม” กองกลางดาวรุ่งวัย 19 ปี.
ก่อนจบครึ่งแรกเพียงไม่กี่นาที “บูกาโย่ ซาก้า” ก็มาบวกประตูที่ 2 ให้กับ อังกฤษ จากจังหวะซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ
อย่างไรก็ตามการทดเวลาบาดเจ็บในช่วงครึ่งแรกของเกมนี้ถูกเพิ่มไปถึง 14 นาที เนื่องจากอาการบาดเจ็บของผู้รักษาประตูอย่าง อลิเรซ่า เบย์รันวานด์
ซึ่งเพียงแค่การทดเวลาบาดเจ็บในนาทีแรก อังกฤษ ก็มาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ “แฮร์รี่ เคน” ถ่างตัวออกมาทางด้านขวาของสนามก่อนที่จะเปิดให้ “ราฮีม สเตอร์ลิ่ง” แท็ปอินเข้าไปแบบสบาย ๆ
นาทีที่ 62 “ซาก้า” มาทำประตูที่ 4 ให้กับ อังกฤษ จากจังหวะที่เขาเลี้ยงลุยมาจากทางด้านขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไป
อีก 3 นาทีถัดมา เหมือน อิหร่าน จะยังไม่ยอมแพ้ โดย “เมห์ดี ทาเรมี” มาทำประตูตีไข่แตกให้กับทีม ทำให้สกอร์ตอนนี้อยู่ที่ 4-1
แต่ อิหร่าน ก็ฮึดอยู่ได้ไม่ถึง 10 นาที “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน ซาก้า ก็มาบวกประตูที่ 5 ให้กับทีมในนาทีที่ 71 จากจังหวะที่รับบอลมาจาก เคน ตรงด้านขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจะหลอกกองหลังของ อิหร่าน หนึ่งจังหวะ และซัดเข้าไปแบบนิ่ม ๆ
นาทีที่ 89 “แจ็ค กรีลิช” ที่ถูกเปลี่ยนลงมาแทน สเตอร์ลิง ก็มาทำประตูที่ 6 ให้กับ อังกฤษ จากจังหวะที่รับบอลจาก คัลลัม วิลสัน หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะซัดเข้าไปง่าย ๆ
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 13 ผู้ตัดสินได้ตัดสินใจใช้ VAR โดยไปดูที่จอในจังหวะที่ ลุค ชอว์ ไปทำฟาลว์นักเตะของ อิหร่าน ในกรอบเขตโทษ และจากนั้นผู้ตัดสินก็ได้ให้จุดโทษกับ อิหร่าน โดยที่ “เมห์ดี ทาเรมี” เป็นคนสังหารลูกจุดโทษเข้าไปแบบสบาย ๆ ทำให้ อิหร่าน ไล่อังกฤษ มาเป็น 6-2
จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดจบเกมทันที ทำให้ อังกฤษ ประเดิมสวยถล่ม อิหร่าน ในเกมฟุตบอลโลก 2022 ไป 6-2 โดยขึ้นไปนำจ่าฝูงของกลุ่มบี ก่อนที่คู่ของ สหรัฐอเมริกา และ เวลส์ จะแข่งขันกันในเวลา 2.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
