การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศระหว่าง อาร์เจนตินา พบกับ ฝรั่งเศส ใครจะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครอง ติดตามได้ที่นี่
เกมเริ่มมาถึงนาทีที่ 23 อาร์เจนตินา ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 โดยประตูจากลูกจุดโทษของ “ลีโอเนล เมสซี” หลังจากที่ก่อนหน้านั้น อุสมาน เดมเบเล ของ ฝรั่งเศส ไปทำฟาวล์ อังเคล ดิ มาเรีย ในกรอบเขตโทษ
และในนาทีที่ 36 อาร์เจนตินา ก็มาบวกประตูเพิ่มได้จากจังหวะที่ อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ ได้หลุดเข้าไปเปิดจากทางกราบขวาให้กับ “อังเคล ดิ มาเรีย” ได้ยิงด้วยซ้ายบอลเด้งผ่านตัว อูโก โยริส เข้าไป
จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบครึ่งแรก อาร์เจนตินา ออกนำ ฝรั่งเศส อยู่ 2-0
ครึ่งหลังเกมดำเนินมาจนถึงช่วงนาทีที่ 80 เหมือนจะเป็น อาร์เจนตินา ที่คว้าชัยในเกมนี้ไป แต่สุดท้าย ฝรั่งเศส ก็มาได้ประตูตีไข่แตกจากลูกจูดโทษของ “คิลิยัน เอ็มบัปเป้”
ผ่านไปไม่ถึงนาทีดีก็เป็น “คิลิยัน เอ็มบัปเป้” คนเดิมที่ยิงประตูให้ ฝรั่งเศส ตามตีเสมอ อาร์เจนตินา ได้สำเร็จเป็น 2-2
จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 90 นาที อาร์เจนตินา เสมอกับ ฝรั่งเศส 2-2 ต้องไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมดำเนินมาถึงช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 108 “ลีโอเนล เมสซี” ก็มาซัดให้ อาร์เจนตินา ขึ้นนำ ฝรั่งเศส เป็น 3-2
เกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของ อาร์เจนตินา อีกครั้ง แต่กลับกลายเป็น “คิลิยัน เอ็มบัปเป้” ที่มาทำประตูตีเสมอให้กับ ฝรั่งเศส เป็น 3-3 จากลูกจุดโทษในนาทีที่ 118 ซึ่งก็ทำให้เขาทำแฮตทริกในเกมรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จต่อจาก เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ตำนานกองหน้าของอังกฤษ
จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบช่วงต่อเวลาพิเศษ อาร์เจนตินา เสมอกับ ฝรั่งเศส 3-3 ต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงดวลจุดโทษ
ในช่วงการดวลจุดโทษตัดสิน หลังจากที่ ฝรั่งเศส ยิงพลาดไปถึง 2 คน และเป็น อาร์เจนตินา ที่เด็ดขาดกว่ายิงเข้าไป 4 คนรวด ทำให้ทัพฟ้าขาวดวลจุดโทษชนะทัพตราไก่ไป 4-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
