ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย? : ย้อนดูฝรั่งเศสตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะแชมป์เก่า

The Sporting News

ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย? : ย้อนดูฝรั่งเศสตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะแชมป์เก่า  image

ฟุตบอลโลก 1998 คือช่วงเวลาดั่งฝันของฝรั่งเศส พวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในบ้านตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ และต่อยอดความสำเร็จตรงนั้น ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ประกาศศักดาเป็นชาติเบอร์หนึ่งของโลกลูกหนัง

2 ปีต่อมาในฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทัพตราไก่ยังคงเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์เช่นเดิม แถมสตาร์ดาวดังของฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น ยังติดทีมชาติมาแบบครบครัน 

แต่ทุกอย่างกลับพลิกไปอีกด้าน พวกเขาทำได้แค่ 1 แต้ม และยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม ตกรอบไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นทีมแชมป์เก่าทีมแรก นับตั้งแต่ปี 1996 ที่ร่วงจากการแข่งขันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม 

ทั้งที่ฝรั่งเศสชุดนั้นเต็มไปด้วยแข้งชื่อดังมากมาย แต่เหตุใดพวกเขาถึงไปไม่ถึงไหนในฟุตบอลโลก 2002 ติดตามไปพร้อมกับเรา 

ฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกในปี 1998 อย่างแข็งแกร่ง ก่อนที่จะคว้าแชมป์ยูโรปี 2000 แน่นอนว่าการตว้าแชมป์รายการใหญ่ติดต่อกัน ทำให้ฝรั่งเศสมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวทีมงานโค้ช หรือนักเตะฝรั่งเศส แม้แต่สื่อฟุตบอลก็ลงความเห็นไปทางเดียวกันว่า “ทีมชาติฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก 2002 ดีที่สุด ตั้งแต่ที่เคยมีมา" 

Getty Images

เพราะนักเตะส่วนใหญ่ที่คว้าแชมป์โลกกับฝรั่งเศสในปี 1998 ยังคงติดทีมมาลุยฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผนวกด้วยการเสริมนักเตะรุ่นใหม่อนาคตไกลอีกหลายคน ทัพตราไก่ในตอนนั้นดูเป็นทีมที่มองหาจุดอ่อนไม่เจอ พวกเขาพร้อมทั้งประสบการณ์, ความสามารถ และความสดใหม่ของแข้งดาวรุ่ง

จะขาดไปก็แค่ โรแบร์ ปิแรส ที่กำลังโชว์ผลงานยอดเยี่ยมกับอาร์เซนอล แต่ได้รับอาการบาดเจ็บในเกมกับนิวคาสเซิลช่วงเดือนมีนาคม จนต้องพักยาวถึง 9 เดือน พลาดฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปตามระเบียบ

ถึงกระนั้นฝรั่งเศสก็กุมความได้เปรียบมาเต็มที่ พวกเขาเคยผ่านการชิมลางเล่นในทัวร์นาเมนต์เอเชียมาแล้ว กับรายการคอนเฟเดเรชั่นส์ คัพ ในปี 2001 ซึ่งฝรั่งเศสก็คว้าแชมป์ไปแบบสบาย ๆ อีกตามเคย ส่งสัญญาณให้เห็นว่า จะไม่มีทีมไหนมาหยุดพวกเขาได้ ในฟุตบอลโลก 2022

แม้แต่ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานลูกหนังชาวเนเธอร์แลนด์ ยังได้กล่าวในเวลานั้นว่า “ฝรั่งเศสคือทีมที่ดีที่สุด ไม่มีทีมอื่นมาเทียบได้” เพราะพวกเขาลงเล่นรายการไหนก็แชมป์รายการนั้นมาตลอดหลายปี 

Zinedine Zidane France FIFA World Cup 1998

อย่างไรก็ตาม สัญญาณของความน่ากังวลได้เริ่มเกิดขึ้นในช่วงต้น หลังจาก โรเช เลอแมร์ โค้ชทีมชาติฝรั่งเศส กล่าวกังวลถึงนักเตะฝีเท้าเยี่ยมของทีมที่เล่นมาหนัก ท่ามกลางโปรแกรมสุดถี่ในฟุตบอลระดับสโมสรแทบทุกคน 

ยกตัวอย่าง เช่น ซีเนอดีน ซีดาน เขาได้พักแค่ 16 วันก่อนฟุตบอลโลกเท่านั้น หลังจากพาทีมเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ในอีกแง่หนึ่งการคว้าแชมป์ยูซีแอลของซีดาน ก็ยิ่งปลุกใจทีมชุดนี้มากขึ้นไปอีก กับการไล่ล่าความสำเร็จในฟุตบอลโลกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

ฟุตบอลโลกไม่เป็นอย่างหวัง

ฝรั่งเศสเริ่มต้นวางแผนเตรียมทีมมาอย่างดี พวกเขาได้มีการแข่งขันนัดกระชับมิตร กับเจ้าภาพร่วมอย่างเกาหลีใต้ ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขันจริงจะเริ่ม 

แต่กลายเป็นว่าฝรั่งเศสต้องเสีย ซีเนอดีน ซีดาน ไปจากอาการบาดเจ็บในเกมนี้ และเขาจะไม่ได้ลงเล่นใน 2 เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มให้กับฝรั่งเศส

ความกังวลเกิดขึ้นในแคป์ทีมตราไก่ทันที พวกเขาไม่มีโรแบร์ ปิแรส ในทัวร์นาเมนต์นี้ ยังต้องมาเสียซีดานไปอีก เท่ากับว่าทีมขาดสองนักเตะตัวหลักในเกมรุกไป 2 คน ซึ่งเป็นแข้งที่ทำหน้าที่หลักในการปั้นเกมรุกทั้งคู่ 

นอกจากนี้ โรเช เลอแมร์ ได้เห็นปัญหาอะไรบางอย่างภายในทีมมากกว่านั้น เมื่อเกมที่ดวลกับเกาหลีใต้จบลง เขาเห็นว่าสภาพจิตใจของนักเตะเกาหลีใต้นั้นเหนือกว่านักเตะฝรั่งเศสมาก ๆ เหมือนกับว่าแข้งแชมป์เก่าไม่มีแรงกระหายมากพอที่อยากจะเอาชนะทีมคู่แข่ง

ถึงปัญหาจะเริ่มเห็นได้ชัดขึ้น ฝรั่งเศสก็ไม่มีเวลาจะแก้ไขอะไรมากนัก เพราะฟุตบอลโลกได้มาถึงแล้วในเกมเปิดสนามพบกับเซเนกัล ทีมชาติสุดโนเนมจากทวีปแอฟริกาที่ใครก็คิดว่าฝรั่งเศสต้องเก็บงานนี้ไปได้ง่าย ๆ ถึงสภาพทีมจะมีปัญหา

แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เซเนกัลที่นำโดยแข้งคนหนุ่ม ทั้ง เอล ฮัดจิ ดิยุฟ, คาลิลู ฟาดิก้า และปาปา บูบา ดิย็อป ใช้ความเร็วปั่นป่วนแนวรับสูงวัยของฝรั่งเศสจนพังไปหมด 

บูบา ดิย็อป ยิงให้เซเนกัลขึ้นนำไปตั้งแต่นาทีที่ 30 แม้เวลาเหลืออีกมากมายแต่ ดาวิด เทรเซเกต์ และเธียรี่ อองรี ต่างก็ยิงติดไม่สามารถทำประตูได้ และกลายเป็นทีมชาติเซเนกัลคว้า 3 แต้มแรกได้สำเร็จในฟุตบอลโลก 2002 ด้วยผลการแข่งขันที่พลิกล็อคถล่มช็อควงการลูกหนังแบบนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวของทีมแชมป์เก่า 

Diouf Senegal 2002

แม้ทางฝรั่งเศสจะเชื่อว่าพวกเขาแค่โชคร้าย เนื่องจากในเกมกับเซเนกัลลูกยิงของ เทรเซเกต์ กับอองรี ต่างผลัดกันไปชนเสาจนอดได้ประตู ทำให้พวกเขายังเชื่อว่าจะกลับมาได้ในเกมที่ 2 กับทีมชาติอุรุกวัย

ฝรั่งเศสพยายามจะปรับแทคติคใหม่ให้ทีมสดใหม่มากขึ้น ด้วยการส่ง โยฮัน มิกูด์ เพลย์เมคเกอร์ฟอร์มร้อนแรง มาปั้นเกมรุกแทนที่ซีดานที่ยังบาดเจ็บอยู่ แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนไปตั้งแต่เริ่ม

เพราะแค่ในนาทีที่ 25 เธียร์รี่ อองรี กองหน้าตัวเก่งของทีมถูกไล่ออกจากสนาม หลังจากไปทำฟาวล์อย่างหนัก ซึ่งเมื่อเหลือตัวผู้เล่นแค่ 10 คน ฝรั่งเศสก็หมดพิษสงไปในทันที พวกเขาทำได้แค่เล่นรักษาสกอร์ และจบเกมด้วยเสมอ 0-0 รับแค่ 1 แต้มไปลุ้นสู้ตายในเกมสุดท้าย

ฝรั่งเศสไม่มีทางเลือกต้องชนะเดนมาร์กในนัดสุดท้ายเท่านั้น ทีมต้องเข็นซีดานที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อยลงสนาม เผื่อว่าเวทย์มนตร์ของยอดนักเตะรายนี้ จะช่วยอะไรทีมได้บ้าง 

อย่างไรก็ตาม กลายเป็นเดนมาร์กที่เล่นได้เหนือกว่าฝรั่งเศสอย่างชัดเจน เหมือนกับมวยคนละเบอร์ ทีมแชมป์เก่าฟุตบอลโลกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว สุดท้ายฝรั่งเศสจึงแพ้ต่อเดนมาร์กไป 0-2 ตกรอบฟุตบอลโลก 2002 ไปแบบช็อคคนทั้งโลก ด้วยผลงานสุดล้มเหวได้แค่คะแนนเดียว ชนะใครไม่ได้ และยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว

สาเหตุของความล้มเหลว

แน่นอนว่า การตกรอบของแชมป์เก่าฟุตบอลโลกที่ไม่ได้เห็นกันมานานถึง 36 ปี ย่อมสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล แม้ว่าผลงานของฝรั่งเศสในทัวร์นาเมนต์จะคู่ควรต่อการตกรอบทั้งปวง แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมพวกเขาถึงย่ำแย่อย่างน่าเหลือเชื่อขนาดนี้

สำหรับประเด็นแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องอายุ เพราะฟุตบอลโลกครั้งนี้พอมาแข่งในเอเชีย หลายทีมมาให้ความสำคัญเรื่องความฟิตมากขึ้นด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป จึงทำให้หลายทีมมีแรงเหลือเฟือที่จะวิ่งไล่บดคู่แข่ง 

แต่ไม่ใช่กับฝรั่งเศสนักเตะตัวหลักหลายคนอายุเกิน 30 ปีไปแล้ว เช่น มาร์แชล เดอไซญี ในวัย 33 ปี, ฟรองค์ เลอเบิฟ วัย 34 ปี, บิเซนเต้ ลิซ่าราซู วัย 32 ปี หรือ เอ็มมานูเอล เปอร์ตีต์ ในวัย 31 ปี 

Getty Images

ซึ่ง 3 คนแรกใน 4 คนนี้คือแผงกองหลังตัวจริงของฝรั้งเศส ขณะที่อีกคนอย่าง ลิลิยอง ตูราม ก็อายุ 30 ปี เช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แนวรับของฝรั่งเศส จะโดนคนหนุ่มเล่นงานเป็นว่าเล่น พวกเขาแก่เกินไปสำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับนี้ กลายเป็นนักเตะวัยใกล้เกษียณที่เชื่องช้ากว่าคู่แข่ง ซึ่งไม่พร้อมจะช่วยทีมอีกต่อไปแล้ว มันต่างจากปี 1998 โดยสิ้นเชิง  

นอกจากนี้เรื่องโปรแกรมที่แข้งฝรั่งเศสต้องเล่นอย่างหนักหน่วงในระดับสโมสร ก็ส่งผลมาที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจริง ๆ ปาทริค วิเอร่า และเธียรี่ อองรี ก็ยอมรับว่าเหนื่อยล้ากับฤดูกาลที่หนักหน่วง กับอาร์เซนอลที่พึ่งโชว์ฟอร์มโหดคว้าดับเบิลแชมป์ในอังกฤษ

วิเอร่าเองออกมายอมรับว่าร่างกาย และจิตใจของเขาไ ม่ไหวกับการแข่งขันที่หนักระดับฟุตบอลโลกในช่วงเวลานั้น ซึ่งตามมาด้วยความกระหายที่ไม่เหมือนเดิมกับการแข่งขันฟุตบอลโลก และผลก็ออกมาอย่างที่เห็น  

ขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บของซีดานก็ส่งผลกับทีม นี่คือทีมที่มีซีดานเป็นหัวใจ แทคติคของฝรั่งเศสสร้างมาให้ซีดานฉายแสดง แต่เมื่อไม่มีซีดาน ทีมก็เหมือนร่างกายที่ไร้หัวใจ กลายเป็นทีมฟุตบอลแบบซอมบี้ คือเล่นไปเรื่อย ๆ ไร้ชีวิตชีวา ไม่มีทีเด็ดทีขาดอะไรหลังเหลืออยู่เลย

Getty Images

นอกจากนี้เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้ว ฝรั่งเศสไม่ได้เดินไปข้างหน้ากับฟุตบอลโลก 2002 แต่พวกเขาก้าวถอยหลังอย่างชัดเจน เพียงแต่ความสำเร็จในอดีตกลายเป็นภาพลวงตา ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเดินมาในทางที่ถูกต้อง ทั้งที่ความเป็นจริง พวกเขาเดินถอยหลัง สวนทางกับชาติอื่น ๆ อย่างชัดเจน

นี่ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วกับทีมชาติฝรั่งเศส แน่นอนว่าในช่วงปลายปีนี้ที่กาตาร์ ทีมชาติฝรั่งเศส จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่พวกเขาต้องไปป้องกันแชมป์โลกเช่นเดียวกัน 

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศสจะต้องพยายามค้นให้เจอปัญหา และแก้มันก่อนจะสายเกินไป มิเช่นนั้นอาจต้องเจอกับความล้มเหลวแบบปี 2002 ก็เป็นได้ 

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.