บทพิสูจน์เซาธ์เกท : เมื่อผู้จัดการทีมชาติอังกฤษฉายแววเก่งในฟุตบอลโลก

Nuttanon Chankwang

บทพิสูจน์เซาธ์เกท : เมื่อผู้จัดการทีมชาติอังกฤษฉายแววเก่งในฟุตบอลโลก image

แกเร็ธ เซาธ์เกต มักถูกวิจารณ์หลายต่อหลายครั้งว่าเขานั้นดีพอหรือเปล่ากับการเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ 

แม้ว่าผลงานในภาพรวมของเขาจะช่วยให้ทีมชาติอังกฤษไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ แต่ความผิดหวังในบั้นปลายเนื่องจากความผิดพลาดเล็กน้อย ก็ทำให้หลายคนสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกุนซือรายนี้ไปแล้ว 

ฟุตบอลโลก 2022 นั้นก็เป็นอีกครั้งที่เขาทั้งทำได้อย่างยอดเยี่ยม และในบางนัดก็ถูกวิจารณ์แบบเละเทะในการตัดสินใจของเขา แต่ในเกมกับทีมชาติเวลส์ เซาธ์เกตปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นของอังกฤษให้ออกมาได้น่าประทับใจ จนดูเหมือนว่าบั้นปลายการเดินทางของทัพสิงโตคำราม อาจจบลงด้วยการคว้าแชมป์เสียที 

การปรับเปลี่ยนในแนวรุก

แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกตั้งคำถามมากมายหลังจบในเกมนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อทีมชาติอังกฤษทำได้เพียงเสมอกับทีมชาติสหรัฐอเมริกา 0-0 โดยรูปเกมในแมตช์ดังกล่าว ทัพสิงโตคำรามกลับโชว์ฟอร์มได้แย่กว่าทีมยูเอสเอที่นักเตะมีคุณภาพน้อยกว่า 

แม้ตัวเลือกของนักเตะในทีมจะมีมากมาย แถมแทคติกของทีมชาติอังกฤษยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด เนื่องจากคุณภาพนักเตะที่ไม่มีใครเทียบ แต่เซาธ์เกตกลับดูจะหวาดกลัวที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่แผนการของเขา 

หนึ่งในคำถามที่ถูกตั้งขึ้นอย่างแพร่หลายคือ เมื่อทีมต้องการเกมรุกหรือประตูภายในเวลาจำกัด เหตุใดเซาธ์เกตถึงไม่ส่ง ฟิล โฟเด้น นักเตะพรสวรรค์สูงจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนาม ทั้งที่แข้งรายนี้มีศักยภาพในการเล่นเกมรุกเต็มตัวอยู่แล้ว ซึ่งแฟนบอลทั่วโลกเชื่อจรงกันว่า รูปเกมของอังกฤษจะเปลี่ยนไปแน่ หากโฟเด้นได้โอกาสสัมผัสพื้นหญ้า  

Phil Foden Gareth Southgate
Getty Images

แต่ไม่เพียงจะไม่ส่งโฟเด้นลงสนาม เขายังเซาธ์เกตเลือกจะปกป้องการตัดสินใจของตัวเอง โดยบอกว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว เนื่องจากโฟเด้นอาจไม่ตอบโจทย์ที่เขาต้องการ ณ ช่วงเวลานั้น 

โชคยังดีที่เซาธ์เกตไม่หลงตัวเองจนเกินไป และพร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ซึ่งเมื่อผลลัพธ์ชัยชนะเหนือเวลส์ 3-0 ปรากฎออกมา ทุกอย่างยืนยันว่า สิ่งที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกคิดนั้นถูกต้อง 

เมื่อการส่งมาร์คัส แรชฟอร์ด และฟิล โฟเด้น ลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นตัวจริงช่วยให้เกมรุกของทีมชาติอังกฤษไหลลื่นขึ้นทันที แถมรูปเกมของทีมยังดีขึ้นมาก ๆ เมื่อนักเตะต่างพากันเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจ 

ยิ่งบวกกับความจริงที่แฮร์รี่ เคน คือนักเตะอันตรายที่ไม่ว่าจะเล่นร่วมกับผู้เล่นคนไหนก็แสดงผลงานคุณภาพออกมาได้เสมอ แนวรุกชุดใหม่ของทีมชาติอังกฤษจึงเต็มไปด้วยความอันตราย แถมยังคาดเดาได้ยากมากว่าจะมาเล่นงานด้วยวิธีไหน 

หากคู่แข่งไม่มีเกมรับที่แข็งแกร่งจริง ๆ การจะหยุดเกมรุกของอังกฤษในเวลานี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นี่คือการปรับแทคติกที่น่าประทับใจมากของเซาธ์เกต ซึ่งทำให้ตอนนี้ทีมชาติอังกฤษยิงไปแล้วทั้งหมด 9 ประตู เป็นจำนวนมากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

Marcus Rashford England Wales
Getty Images

แก้เกมแดนกลาง

อีกความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่สำคัญของทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์นี้ คือการขยับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง ซึ่งจากเดิมทีมชาติอังกฤษจะออกสตาร์ทด้วยสามประสาน เมสัน เมาท์, จู๊ด เบลลิงแฮม และดีแคลน ไรซ์ อยู่เสมอ

เนื่องจากเซาธ์เกตได้กำหนดหน้าที่ของแต่ละคนอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ไล่ตั้งแต่ เมาท์ที่มีบทบาทหลักเป็นการช่วยเหลือเกมรุก, เบลลิงแฮมมีหน้าที่เปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ส่วนไรซ์คือผู้เล่นที่เกมรับเป็นหลัก 

เมื่อหน้าที่แต่ละคนถูกวางไว้อย่างเหมาะสม มันจึงเป็นเรื่องยากที่การปรับเปลี่ยนแดนกลางจะเกิดขึ้น เนื่องจากสมดุลในเกมรับที่ถูกวางไว้อย่างรัดกุมอาจพังลงไปด้วย แต่หลังจากสองเกมแรกผ่านไป และผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าแผงกองกลางชุดแรกของเซาธ์เกต ยังไม่ใช่ชุดกองกลางที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ 

เซาธ์เกตจึงตัดสินใจสร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมนัดสุดท้ายกับเวลส์ ผ่านการเปิดโอกาสให้ จอร์แดนน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล กลับมาสู่แผนการเล่นในฐานะตัวจริงของทีมอีกครั้ง โดยการมาของเฮนเดอร์สันช่วยให้แดนกลางอังกฤษมีผู้นำคอยสั่งการ 

แถมยังเปิดโอกาสให้เบลลิงแฮมขยับขึ้นไปเล่นเหมือนกับผู้เล่นเบอร์ 10 ซึ่งเขาทำงานตรงนี้ได้ดีกว่าเมาท์เสียอีก เพราะเบลลิงแฮมยังคงรักษาจุดเด่นในเรื่องการดูแลพื้นที่ได้เหมือนเคย 

และถึงแม้การวิ่งไปทั่วสนามแบบเดิม จะทำให้ผู้เล่นตำแหน่งนี้มีบทบาทในเกมรุกน้อยลงไป แต่ทีมชาติอังกฤษทดแทนด้วยการปล่อยให้แรชฟอร์ด และโฟเด้น ได้โจมตีพื้นที่สุดท้ายอย่างเต็มที่ 

Marcus Rashford tries to score a goal in Wales vs England
Getty Images

ภาพรวมของกองกลางชุดนี้จึงดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของเซธ์เกตในอนาคต โดยเฉพาะเกมที่ทีมชาติอังกฤษต้องเผชิญหน้ากับทีมที่แข็งแกร่ง และการทำประตูอย่างรวดเร็วมีความสำคัญมากกว่าการคลองบอลอย่างเป็นระบบเหนียวแน่น 

เมื่อบวกกับความจริงที่ทีมชาติอังกฤษมีตัวเลือกมากมายในแง่ของผู้เล่น แกเร็ธ เซาธ์เกต จึงมีโอกาสเลือกตัวผู้เล่นให้เขากับแทคติกได้อย่างอิสระ ซึ่งสิ่งที่เขาปรับเปลี่ยนมาในเกมกับเวลส์ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดลองในสนามจริง ผ่านการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหลายต่อหลายคนได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในการเล่นฟุตบอลโลกคราวนี้ 

โดยในเกมกับเวลส์มีถึง 4 คนที่ได้โอกาสออกสตาร์ท ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด, ฟิล โฟเด้น, จอร์แดนน เฮนเดอร์สัน และไคล์ วอล์คเกอร์ ซึ่งการลงมาเล่นของพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพของทีมชาติอังกฤษตกลงไปเลยแม้แต่น้อย  

การเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ ทั้งในแง่ของวิธีการและตัวผู้เล่น มันทำให้เห็นว่าทีมชาติอังกฤษสามารถที่จะเล่นฟุตบอลได้ในหลากหลายรูปแบบ ด้วยตัวเลือกที่พวกเขามีอยู่ในมือตอนนี้ งานของแกเร็ธ เซาธ์เกต จึงไม่มากไปกว่าการหยิบใช้ผู้เล่นอย่างไรให้เหมาะสมกับแทคติกที่ควรจะเป็น 

และถึงแม้หลายคนอาจตั้งคำถามกับวิธีการของเขา แต่ถ้าหากสุดท้ายเซาธ์เกตสามารถพาทีมชาติอังกฤษทำผลงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าฟุตบอลโลก 2018 และยูโร 2020 แฟนบอลทั่วโลกย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า แชมป์โลกสมัยที่สองของทัพสิงโตคำรามเกิดขึ้นจากมันสมองของกุนซือรายนี้อย่างแท้จริง 

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Nuttanon Chankwang

Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand