ทำไมเลสเตอร์ตกชั้นในฤดูกาลนี้? เปิดความล้มเหลวทัพจิ้งจอกสยาม

Francis Phumin

ทำไมเลสเตอร์ตกชั้นในฤดูกาลนี้? เปิดความล้มเหลวทัพจิ้งจอกสยาม image

ไม่น่าเชื่อว่าทีมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ จะตกชั้นกันในฤดูกาลนี้ จริงอยู่ที่โดยปกติแล้วชื่อของ เลสเตอร์ มักจะปรากฏอยู่ในโซนท้ายตารางของพรีมียร์ลีก แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวในอดีต ก่อนที่ตระกูลศรีวัฒนประภาจะเข้ามาบริหารสโมสร

เพราะหลังจากที่กลุ่มทุน คิง พาวเวอร์ ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ “เดอะ ฟ็อกซ์” ก็มีกราฟที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง เลื่อนชั้น, คว้าแชมป์เอฟเอ คัฟ, เล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และจุดสูงสุดก็คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015-16 แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าสูงสุดกำลังคืนสู่สามัญ เพราะอะไร? เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงมีฟอร์มที่ย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ ติดตามได้ที่นี่

ทำไมเลสเตอร์ตกชั้นในฤดูกาลนี้? เปิดความล้มเหลวทัพจิ้งจอกสยาม

ปัญหาทางการเงิน

นี่คือปัญหาสุดคลาสสิคสำหรับทีมที่เคยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่กลับดิ่งเหวอย่างรวดเร็ว ไล่ตั้งแต่ ลีดส์, พอร์ทสมัธ รวมถึง โบลตัน ทีมเหล่านี้ล้วนผ่านสถานการณ์เหล่านี้มาก่อน

ซึ่ง เลสเตอร์ อาจจะไม่เจอกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยก็ได้ หากโลกใบนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ไวรัสโควิด-19” เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า คิง พาวเวอร์ คือบริษัทธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดังนั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวมันหยุดชะงัก จึงทำให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก ผลประกอบการของบริษัทลดลงจาก 2.3 พันล้านปอนด์ เป็น 448 ล้านปอนด์

ผนวกกับช่วงเวลาดังกล่าว สโมสรมีการสร้างสนามซ้อมแห่งใหม่ แต่ก็โชคร้าย เพราะไม่นานหลังจากนั้นโลกก็ได้รู้จักกับ โควิด-19 ซึ่งสโมสรก็ยังเดินหน้าสร้างต่อไป เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ตามแผนเดิมในปี 2022

“เลสเตอร์ โมเดล” ไม่ได้ผลอีกต่อไป 

โดยปกติแล้วเราจะไม่เห็น เลสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มเงินซื้อนักเตะบิ๊กเนมด้วยเงินมหาศาล แต่พวกเขามักจะคว้าตัวนักเตะที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก มาพัฒนาเพื่อขายต่อ และเซ็นสัญญาระยาว เช่น เจมส์ แมดดิสัน 20 ล้านปอนด์, ยูริ ติเลอมองส์ 45 ล้านปอนด์, เวสลีย์ โฟฟาน่า และ แพ็ตสัน ดาก้า ในราคา 23 ล้านปอนด์

เพราะพวกเขาเคยประสบความสำเร็จด้วย “เลสเตอร์ โมเดล” มาแล้ว จากการขาย เอ็นโกโล ก็องเต, ริยาด มาห์เรซ, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จนได้กำไร 255 ล้านปอนด์

ทว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมในลีกไม่สามารถซื้อขายกันได้ตามปกติ จึงทำให้ “เลสเตอร์ โมเดล” พังไม่เป็นท่า พวกเขาขายนักเตะไม่ออก และอัตราค้าจ้างที่ เลสเตอร์ ต้องจ่ายให้กับนักเตะที่เซ็นสัญญาระยะยาวก็สูงขึ้นจาก 68.6% มาเป็น 80%

จริงอยู่ที่สามารถปล่อย โฟฟาน่า ได้ 70 ล้านปอนด์ แต่พวกกำลังจะต้องเสีย ติเลอมองส์ ไปแบบฟรี ๆ หลังจบฤดูกาล และค่าตัวของ แมดดิสัน ก็อาจจะถูกลง เนื่องจากเหลือสัญญาถึงปี 2024 เท่านั้น

การซื้อขายที่ผิดพลาด

ช่วงที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ มีการเสริมทัพที่ผิดพลาดอยู่ตลอด ไล่ตั้งแต่ การคว้าไรอัน เบอร์ทรานด์ และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด มาจาก เซาท์แธมตัน รายแรกบาดเจ็บตลอดแทบไร้โอกาสลงสนาม ขณะรายหลังก็ดูเหมือนจะลืมฟอร์มเก่งไว้ที่ เซนต์ แมรี่

ด้าน เวาท์ ฟาส ที่เพิ่งซื้อมาซีซั่นนี้ก็โชว์เหวอให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ส่วน แฮร์รี่ ซูตทาร์ ก็ดูจะยังไม่พร้อมสำหรับลีกสูงสุด มิหนำซ้ำหลังจากปล่อย แคสเปอร์ ชไมเคิล ออกไป ก็ไม่หาผู้รักษาประตูมือดีเข้ามาทดแทน ทนใช้ แดนนี่ วอร์ด มาตลอดทั้งฤดูกาล จนในช่วงหลังถึงมีการเปลี่ยนแปลง

โดยรวมแล้วปัญหาใหญ่ ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็คือเรื่อง “การเงิน” ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ก็ได้ออกมาแถลงแล้วว่า สามารถปลดหนี้จำนวน 194 ล้านปอนด์ ได้แล้ว ซึ่งเราก็หวังว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะกลับเข้ามาสู่ในทิศทางที่ควรจะเป็นให้ได้ภายในเร็ววัน

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Francis Phumin

Francis Phumin Photo

นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้ที่หลงไหลในเสน่ห์ของฟุตบอล