ดราม่า 'เอ็มบัปเป้-เปแอสเช' อีโก้นักเตะที่เยอะเกินไป อาจพาไปไม่ถึงฝัน

เราพูดถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ ว่าเป็นสุดยอดนักเตะแห่งยุค การชิงดีชิงเด่นกันของ 2 ยอดนักเตะ ถือว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ 

แต่ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพการค้าแข้ง นั่นถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น ผู้คนมองหานักเตะเบอร์ 1 ของโลกคนต่อไป และหลายคนมองไปที่คิลิยัน เอ็มบัปเป้ 

แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาเองกำลังทำลายอนาคตที่สดใสของตัวเอง ด้วยอีโก้หลายอย่างที่เขาสร้างขึ้น และยิ่งนับวันยิ่งจะไม่สนใจใคร จนกลายเป็นตัวปัญหาอันดับหนึ่งของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในตอนนี้ 

สัญญาฉบับใหม่

คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กลายเป็นราวกับสมบัติของปารีส แซงต์ แชร์กแมง และไม่ต้องการให้นักเตะรายนี้ออกไปจากทีม ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ด้วยความเป็นนักเตะฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในแข้งที่ได้รับการคาดการณ์ว่า จะดีที่สุดในโลกคนต่อไป

ในช่วงซัมเมอร์ 2022 แน่นอนว่าข่าวของนักเตะรายนี้กับเรอัล มาดริดมีมากมายเหลือเกิน จนหลายคนเชื่อว่า มันถึงเวลาแล้วที่เอ็มบัปเป้จะต้องไปทำตามความฝันของเขา คือการไปสวมชุดขาวที่เรอัล มาดริด 

เปแอสเชหยุดความฝันของนักเตะรายนี้ด้วยหลากหลายวิธีการ จนสุดท้ายเขายอมต่อสัญญาอยู่กับทีมด้วยค่าเหนื่อยมหาศาลราว 1 ล้านยูโรต่อสัปดาห์ หรือรับทรัพย์ 37 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่ได้ค่าจ้างแพงที่สุดในโลก 

แถมด้วยเงินกินเปล่าอีกก้อนใหญ่ที่นักเตะรายนี้ได้รับจากต้นสังกัด เขาต่อสัญญายาวไปถึงปี 2025 ซึ่งแน่นอนว่ามันคงหยุดเรื่องราวของเขากับเรอัล มาดริด ไปอีกพักใหญ่ในความคิดของใครหลายคน 

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบนั้น 

แตกหัก

ข่าวการแตกหักของคิลิยัน เอ็มบัปเป้ กับเพื่อนร่วมทีมมีมาอยู่เรื่อยๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการต่อสัญญาของเขา 

ผลงาน 39 ประตูกับ 26 แอสซิสต์ ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาในฤดูกาลก่อน นั่นไม่แปลกที่เอ็มบัปเป้จะรู้สึกว่าเขาควรจะเป็นเบอร์ 1 ของทีม 

แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลนี้เจ้าตัวเริ่มเล่นแบบเห็นแก่ตัวมากขึ้นจนไม่เข้าขากับทีมแบบเมื่อก่อน เขาไม่เคยจ่ายบอลให้กับเนย์มาร์ หรือลีโอเนล เมสซี่ ไปทำประตูเลย ไม่เคยมีการแอสซิสต์จากเอ็มบัปเป้ให้สองยอดตัวรุก แต่ในทางตรงกันข้ามทั้งเมสซี่ และเนย์มาร์ แอสซิสต์ให้เอ็มบัปเป้หลายต่อหลายลูก

บวกกับการเล่นของเนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี่ที่ทำได้ดีเมื่อเล่นร่วมกัน ก็ทำให้สื่อเริ่มไปสนใจอดีตคู่หูจากบาร์เซโลน่ามากกว่า มันก็เกิดอาการไม่พอใจจากเอ็มบัปเป้  

นอกจากนี้ในสัญญาฉบับใหม่ เปแอสเชสัญญาว่าเอ็มบัปเป้จะเป็นดาวเด่นที่สุดของทีม และเอ็มบัปเป้ก็รู้สึกว่าเขาควรเป็นศูนย์กลางของทีมตามสัญญา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วในตอนนี้ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร ผู้คนก็พูดถึงเมสซี่มากกว่าเขาอยู่ดี

ท่ามกลางความแตกหักดราม่าต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทางเปแอสเชเองก็พยายามปิดข่าว โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาล แต่ในตอนนี้ข่าวใหม่ที่ออกมาดูจะแรงกว่าเก่า เมื่อความสัมพันธ์ของเอ็มบัปเป้ และสโมสรถึงขั้นแตกหัก เพราะรู้สึกว่าเขาถูกหักหลังจากโปรเจกต์สร้างทีมที่เขาจะต้องเป็นศูนย์กลางของทีมเท่านั้น 

ไม่รวมกับความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมทีมที่พังลงไปเรียบร้อย โดยเฉพาะกับเนย์มาร์ ที่มีการรายงานออกมาว่า เอ็มบัปเป้ไม่พอใจที่เนย์มาร์มาแย่งตำแหน่งมือสังหารจุดโทษจากเขา ขณะที่ตัวของเนย์มาร์ก็ไม่พอใจที่เอ็มบัปเป้ชอบทำตัวเหมือนว่าใหญ่กว่าทุกคนในสโมสร

นอกจากนี้ เพื่อนร่วมทีมเปแอสเชยังไม่พอใจที่เอ็มบัปเป้ชอบวิจารณ์แทคติคของทีมออกสื่อ ซึ่งหลายคนมองว่าเอ็มบัปเป้ไม่ให้ความเคารพในตัวผู้จัดการทีมแม้แต่น้อย

ทำให้นักเตะรายนี้พร้อมย้ายออกจากทีมเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งก็คือตลาดมกราคมนี้เลยหลังจบศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ พอถึงตรงนี้อาจพูดได้ว่าเรื่องเงินนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของความพอใจมากกว่า ซึ่งในตอนนี้หลังต่อสัญญาไปไม่ถึงครึ่งปี เอ็มบัปเป้มีทีท่าที่อยากจะย้ายออกจนตัวสั่นแล้ว   

ทำลายอนาคตของตัวเอง

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเซ็นสัญญานั้นไม่ใช่ของเด็กเล่น เมื่อคุณเซ็นสัญญาไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องรับกับผลที่ตามมา 

เอ็มบัปเป้ในวัย 23 ปี โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวมว่า เส้นทางการค้าแข้งของเขาควรจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ใช่มาเปลี่ยนใจกลางทางแบบนี้ 

มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยกับค่าเหนื่อยที่ได้รับ หรือสัญญาที่ยังเหลืออีกหลายปี ซึ่งถ้าหากทีมอื่นต้องการตัวเขา ก็ต้องใช้เงินมหาศาลทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย หรือพูดอีกทางก็คือคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะย้ายทีมในช่วงเวลาแบบนี้ 

โดยเฉพาะกับฝั่งเรอัล มาดริด ที่ก็ไม่พอใจที่เหมือนว่าตกลงกันไว้ดีแล้ว เลือกหักหน้าอยู่กับเปแอสเชต่อ จนมีข่าวลือว่ามาดริดล้มแผนไม่คิดจะกลับไปคว้าตัวเอ็มบัปเป้อีกแล้ว 

จากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ถึงแม้ว่าเอ็มบัปเป้จะเป็นนักเตะที่เก่งมากๆ จนอาจเป็นสุดยอดนักเตะเบอร์ 1 ของโลกลูกหนังคนต่อไป แต่สโมสรที่จะลงทุนกับตัวเขาก็คงจะคิดหนัก เพราะนักเตะไร้ความเป็นมืออาชีพแบบนี้ มันคงยากที่จะมีใครรับเขาเข้าทีม เมื่อคิดถึงเงินมหาศาลที่ต้องลงทุน ถ้าลงทุนไปอยู่ดีๆวันหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจอยากย้ายทีม ผลเสียก็ตกอยู่กับทีม ส่วนเอ็มบัปเป้ก็กินเงินสบายๆไป 

ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในจุดที่สามารถเลือกได้มากมาย แต่กลับทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ถ้าเขายังเป็นแบบนี้ต่อไป มันคงไม่แปลกว่าทำไมหลายคนเชื่อว่านักเตะเบอร์ 1 ของโลกคนต่อไปคือเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ไม่ใช่เขา 

สุดท้ายเราก็คงหวังได้แค่ว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จะคิดได้ก่อนวันที่สายเกินไป อีโก้ความเป็นนักเตะที่โด่งดังของเขาเริ่มกัดกินภาพลักษณ์ของเขาไปในทุกๆวัน 

ถ้าเขากลับมาเป็นยอดนักเตะที่ตั้งใจซ้อม ตั้งใจเล่นแบบเดิมได้มันคงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่หากไม่คงเป็นเรื่องราวที่น่าเสียดายสุดๆที่สุดท้ายเอ็มบัปเป้ไม่ได้เป็นสุดยอดนักเตะอย่างที่ใครหลายคนคิดว่าเขาจะสามารถทำได้