ในปี 2022 เราคงนึกภาพไม่ออกว่าซิมง มินโญเลต์ ที่ล้มเหลวกับลิเวอร์พูล และย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกไปเมื่อหลายปีก่อน จะได้กลับมาพูดถึงเขาว่าเป็นผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะกับการที่เขาอยู่กับสโมสร อย่าง คลับ บรูซ จากลีกเบลยี่ยม ที่เป็นหน้าประจำในรายการนี้ แต่ว่าก็มักจะตกรอบเป็นประจำเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มินโญเลต์ช่วยให้คลับ บรูซ ยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว และเก็บคลีนชีตเต็ม ๆ 4 นัดติดต่อกัน
มินโญเลต์เชื่อมาตลอดว่า เมื่อเขาเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 เขาจะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ หลังจากความล้มเหลวกับหงส์แดง มินโญเลต์ได้รับความเคารพอย่างที่ควรจะได้แล้วในตอนนี้
โอกาสกับทีมใหญ่
ซิมง มินโญเลต์เติบโตกับสโมสรแซงต์-ทรุยด็องในลีกรองของเบลเยี่ยม การเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมตั้งแต่อายุ 18 ปี รวมถึงมีผลงานพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกล่างนั้น เพียงพอให้ซันเดอร์แลนด์คว้าตัวเขาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2010
โดยที่การเติบโตของผู้รักษาประตูรายนี้มีอย่างต่อเนื่อง จนได้กลายเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมในพรีเมียร์ลีกในอีก 1 ปีให้หลังเท่านั้น
สุดท้ายหลังโชว์ฟอร์มต่อเนื่องกับซันเดอร์แลนด์ จนหลายคนมองว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว และโอกาสของเขากับทีมใหญ่ก็มาถึงในทันที
ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมใหญ่ ที่กำลังหาทางในการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง การได้ผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลหลังบ้าน ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ลิเวอร์พูลในเวลานั้น เผชิญปัญหามายาวนาน โดยเฉพาะหลังจากโฆเซ่ เรย์น่า มือกาวชาวสเปนฟอร์มตกลง
หงส์แดงยอมจ่าย 9 ล้านปอนด์เพื่อคว้านักเตะรายนี้เข้ามาร่วม เบรนเดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในตอนนั้น ชื่นชมมินโญเลต์ว่า นี่คือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก
มินโญเลต์ในเวลานั้นได้รับคำชื่นชมมากมายจากผู้คนรอบตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กลายเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก อย่างที่ใครหลายคนหวังเอาไว้
ล้มเหลวกับลิเวอร์พูล
ฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูลเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม ในฤดูกาล 2013-14 ที่ทีมหงส์แดง กลับมาลุ้นแชมป์ได้ในรอบหลายปี
แม้ว่าสุดท้ายพวกเขา จะไม่ได้กลายเป็นแชมป์ก็ตาม แต่ว่ามันคือการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม และสามารถบอกได้ว่าการลงทุน 9 ล้านปอนด์ของลิเวอร์พูล มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว กับผลงานส่วนตัวที่เราได้เห็นจากมินโญเลต์ในฤดูกาลแรกกับทีม
แต่ในฤดูกาลต่อมาเท่านั้น มินโญเลต์กลายเป็นผู้รักษาประตูที่พร้อมจะทำผิดพลาด จนทีมเสียประตูอยู่เสมอ ความผิดพลาดส่วนตัวของเขาทำให้ทีมยากลำบากในหลายๆครั้ง
มันอาจมีเกมที่เขาทำได้ยอดเยี่ยมบ้าง แต่มันก็เกิดขึ้นน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงท้ายในยุคร็อดเจอร์ส หรือเปลี่ยนผ่านสู่เยอร์เก้น คล็อปป์ก็ตาม เขาทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผู้จัดการทีมไม่ไว้วางใจผู้รักษาประตูรายนี้อีกแล้ว
แม้ว่าในปี 2016 มินโญเลต์จะต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 5 ปี แต่เบื้องหลังทางเยอร์เก้น คล็อปป์พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหาผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามาแทนที่มินโญเลต์ หลังความผิดพลาดที่มีบ่อยเหลือเกิน
สุดท้ายหลังจากผ่านไปแค่ 5 เกมในฤดูกาล 2016-17 มินโญเลต์ถูกดร็อปเป็นแค่ผู้รักษาประตูมือ 2 ของทีม
อย่างไรก็ตาม โชคเหมือนจะเข้าข้างเขา เพราะลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูที่เข้ามาแทนเขา ก็ผลงานแย่กว่าตัวมินโญเลต์เสียอีก ทำให้เขากลับมายึดตำแหน่งมือ 1 ของทีมได้อีกครั้ง
แต่โอกาสตรงนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมินโญเลต์ เขายังคงเป็นผู้รักษาประตูที่พร้อมสร้างความผิดพลาดเสมอ ไม่ต่างจากคาริอุส สุดท้ายทั้งตัวเขา และคาริอุสก็ผลัดกันลงสนาม แบบที่ไม่มีใครเป็นมือของทีมแบบถาวรได้เลย
จนสุดท้ายเป็นอลิสซง เบ็คเกอร์ ที่ย้ายเข้ามา และสามารถยึดตัวจริงในตำแหน่งผู้รักษาประตูได้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 และแน่นอนว่าสำหรับมินโญเลต์ สิ่งที่ผู้คนจดจำเขาก็คือผู้รักษาประตูที่ล้มเหลวกับลิเวอร์พูลไปแล้ว
กลับมาเกิดใหม่
หลังจากที่ซิมง มินโญเลต์ อยู่กับลิเวอร์พูลในสถานะตัวสำรอง แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ตัวว่าเขาจะต้องเป็นตัวสำรองไปยาวๆ สุดท้ายหลังจบเกมเอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในปี 2019 มินโญเลต์ตัดสินใจร่วมทัพ คลับ บรูซ ทีมดังจากเบลเยี่ยมด้วยค่าตัว 6.4 ล้านปอนด์
เจ้าตัวยอมรับว่าสถานการณ์ที่เขากลายเป็นตัวสำรอง เขาไม่พร้อมจะนั่งยาวๆกับสัญญาที่เหลืออยู่กับหงส์แดงอีก 2 ปี มันถึงเวลาที่เขาจะได้แสดงให้เห็นศักยภาพของเขา ด้วยการทุ่มเทกับสโมสรใหม่
การย้ายไปสโมสรที่อยู่ในระดับท็อปของประเทศเบลเยี่ยม ทำให้มินโญเลต์คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง โดยมินโญเลต์ก็ได้อยู่ในทีมชุดแชมป์ลีกทั้ง 3 สมัย น่าเสียดายที่การเล่นในลีกเบลเยี่ยม ทำให้ไม่มีใครคิดจะพูดถึงผลงานของเขา
จนกระทั่งในฤดูกาล 2022-23 เมื่อ คลับ บรูซ ทีมที่ถูกมองว่าพวกเขาจะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านแน่นอน ในรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูซีแอล ที่ได้อยู่ร่วมกลุ่มซึ่งมีทั้ง แอตเลติโก้ มาดริด, เอฟซี ปอร์โต้ และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเป็นทีมที่ดีกว่าพวกเขาทั้งหมด
แต่กลายเป็นว่า คลับ บรูซ สร้างเซอร์ไพรซ์อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาทำให้เห็นว่าสโมสรแห่งนี้ก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน
เนื่องจาก คลับ บรูซ กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมที่ได้การันตีแล้วว่า จะเข้าสู่รอบน็อคเอาท์หลังแข่งขันไป 4 นัดเท่านั้น ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ที่พวกเขาจะเข้าสู่รอบต่อไป หลังวนเวียนอาจเป็นบ๊วยของกลุ่มบ้าง หรือตกไปเล่นยูโรปาลีกอยู่เสมอ
โดยเบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือฟอร์มการเล่นของ ซิมง มินโญเลต์ ที่สามารถเก็บคลีนชีทได้ทั้ง 4 นัดที่ลงเล่น ไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ถ้าจะบอกว่าในตอนนี้ เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ฟอร์มดีที่สุดในรายการ ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก
การได้เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับ คลับ บรูซ ถือเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา ที่ในตอนนี้หลายคนต้องกลับมามองเขาใหม่อีกครั้ง และให้ความเคารพในฐานะผู้รักษาประตูที่ดีมากคนหนึ่งเหมือนกัน
หลังความล้มเหลว มินโญเลต์ไม่ได้ยอมแพ้กับการเป็นสุดยอดผู้รักษาประตู แน่นอนเขาล้มเหลวกับลิเวอร์พูลตามที่ใครหลายคนกล่าวจริง กับการที่ไม่สามารถขึ้นไปเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกได้
แต่ที่ คลับ บรูซ เขาคือหนึ่งในคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มากมาย เขาคือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุด วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาก็เป็นผู้รักษาประตูอีกคนที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน
