ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม แฟนบอลคงได้ยินมาจนคุ้นหู เนื่องจากผลงานในสนามที่ถูกเล่าขารมาเป็นเวลานานว่าเขาสุดยอดมากแค่ไหน แต่ใครจะเชื่อว่าปัจจุบันเด็กหนุ่มจากเมืองผู้ดีรายนี้นี้เพิ่งมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น
ซึ่งล่าสุดนี่เอง จู๊ด เบลลิงแฮม ที่เพิ่งย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์นี้ ก็ได้ถูกประทับตราว่าจะเป็นยอดนักเตะอนาคตไกล หลังเจ้าตัวคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งยุโรป หรือ “โกลเดน บอย 2023” ไปครอบครองอย่างยิ่งใหญ่
ซึ่งในวันนี้ The Sporting News Thailand จึงอยากพาทุกท่านไปรู้จักกับนักเตะวอนเดอร์คิดชาวอังกฤษรายนี้ให้มากขึ้น
ร่วมสนุกทายผลฟุตบอลประจำวัน ที่นี่
เช็คช่องทางที่ดีที่สุดในการลุ้นโชคได้ที่นี่
ประวัติส่วนตัวของ จู๊ด เบลลิงแฮม
- ชื่อเต็ม : จู๊ด วิคเตอร์ วิลเลี่ยม เบลลิงแฮม
- วันเกิด : 29 มิถุนายน 2003
- อายุ : 20 ปี
- น้ำหนัก : 75 กิโลกรัม
- ส่วนสูง : 186 เซนติเมตร
- สัญชาติ : อังกฤษ
- ทีมที่เล่น : เรอัล มาดริด
เส้นทางลูกหนังของ จู๊ด เบลลิงแฮม
จู๊ด เบลลิงแฮม เกิดมาในครอบครัวที่อ้อมล้อมด้วยลูกฟุตบอล โดยคุณพ่อของเขาอย่าง มาร์ค เบลลิงแฮม ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเวลาว่างก็มักจะไปเล่นฟุตบอลในลีกกึ่งอาชีพ และว่ากันว่าคุณพ่อมาร์คเป็นกองหน้าที่ยิงได้มากกว่า 700 ประตู ในลีกกึ่งอาชีพของอังกฤษด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ จู๊ด และ โจ๊บ น้องชายของเขา หลงรักในกีฬาฟุตบอลแบบเข้าเส้น
ซึ่ง จู๊ด ที่เติบโตใน สเตาร์บริดจ์ ย่านเวสต์ มิดแลนด์ ได้หลงรักทีมท้องถิ่นอย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ มาตั้งแต่วัยเยาว์ และได้เข้ามาอยู่กับทีมเยาวชนของตราลูกโลก ด้วยวัยเพียง 7 ขวบ ในปี 2010
โดยชีวิตการเป็นเยาวชนที่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ของ จู๊ด ต้องบอกเลยว่าสุดยอดมาก ๆ เขาถูกยกให้เป็นตัวท็อปของรุ่น หรือบางทียังถูกมองว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในทีมเยาวชนของทุกรุ่นอายุด้วยซ้ำไป และเป็นผู้เล่นดาวรุ่งชาวอังกฤษที่น่าจับตามองมาก ๆ การันตีได้จากการขึ้นไปเล่นในทีม U-23 ตั้งแต่อายุ 15 ปี และหลังจากนั้นไม่นาน จู๊ด ก็ได้ก้าวขาขึ้นสู่ เบอร์มิงแฮม ชุดใหญ่ ในปี 2019 ด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น
ฤดูกาล 2019-20 คือฟุตบอลอาชีพซีซั่นแรกของ จู๊ด แต่ทว่าเขากลับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจทันที และใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ โดยฤดูกาลดังกล่าว จู๊ด ลงสนามไปทั้งหมด 44 นัด ทำได้ 4 ประตู 2 แอสซิตส์ ช่วย เบอร์มิงแฮม ซิตี้ รอดตกชั้น ได้อย่างหวุดหวิด พร้อมคว้าดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ไปครอง
ด้วยผลงานที่ใช้ได้ และทรงก็ดูดีมีอนาคต จึงทำให้ จู๊ด ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป ซึ่ง 1 ในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่อย่างไรก็ตามทีมที่เข้าวินในการล่าลายเซ็นของเขาก็คือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่จ่ายเงินราว 25 ล้านปอนด์ เพื่อสู่ขอ จู๊ด เบลลิงแฮม
ซึ่งค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ส่งให้ จู๊ด กลายเป็นนักเตะอายุ 17 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก และยังทำให้ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ประกาศรีไทร์เสื้อหมายเลข 22 เบอร์เก่งของเจ้าตัวอีกด้วย
และก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือสถานที่ที่ทำให้ จู๊ด ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว จู๊ด ประเดิมสนามนัดแรกในเสื้อสีเหลืองของ ดอร์ทมุนด์ ด้วยการทำ 1 ประตูใส่ ดุยสบวร์ก ในศึกเดเอฟเบ โพคาล
ต่อมาเกมลีกนัดแรกที่ชนะ โบรุสเซีย กลัดบัค 3-0 จู๊ด ก็เป็นคนแอสซิตส์ประตูแรกให้กับทีม และหลังจากนั้นเรื่อยมา จู๊ด ก็กลายเป็นกองกลางคนสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลยตลอด 3 ฤดูกาลในบุนเดสลีกา ก่อนที่ในซัมเมอร์ปี 2023 เขาจะโบกมือลา ดอร์ทมุนด์ และย้ายซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 103 ล้านยูโร
แน่นอนว่าการย้ายมายัง เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล บวกกับการสวมเบอร์ 5 ที่ในอดีตยอดมิดฟิลด์อย่าง ซีเนดีน ซีดาน เคยสวมใส่ ย่อมทำให้ จู๊ด เบลลิงแฮม ถูกคาดหวังจากแฟนบอลราชันชุดขาวอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตาม จู๊ด เบลลิงแฮม ในวัยเพียง 20 ปี ก็ไม่ทำให้เหล่าสาวก “มาดริดดิสต้า”ต้องผิดหวังแต่อย่างใด เมื่อเจ้าตัวกลายเป็นหัวใจเกมรุกของสโมสรได้ทันทีและมีส่วนร่วมกับเกมและประตูอย่างมากมาย จนทำให้ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในนักเตะตัวท็อปของทีมเป็นที่เรียบร้อย
สโมสรที่เคยเล่น
เรอัล มาดริด (2023-ปัจจุบัน)
ลงเล่น 14 นัด ยิงได้ 13 ประตู แอสซิสต์ 3 ประตู
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2020-2023)
ลงเล่น 132 นัด ยิงได้ 24 ประตู แอสซิสต์ 25 ประตู
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (2019-2020)
ลงเล่น 44 นัด ยิงได้ 4 ประตู แอสซิสต์ 2 ประตู
ทีมชาติอังกฤษ (2020-ปัจจุบัน)
ลงเล่น 27 นัด ยิงได้ 2 ประตู แอสซิสต์ 5 ประตู
แชมป์ที่เคยได้รับ
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย : (2020–21)
รางวัลส่วนตัว
โกลเดน บอย 1 สมัย : 2023
นักเตะยอดเยี่ยมบุนเดสลีกา 1 สมัย : (2022-23)
ร่วมสนุกทายผลฟุตบอลประจำวัน ที่นี่
เช็คช่องทางที่ดีที่สุดในการลุ้นโชคได้ที่นี่
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand