ข้ามนิกาย :เหตุใด 'โม จอห์นสตัน' เป็นนักเตะคาทอลิกคนแรก ของกลาสโกว เรนเจอร์ส

The Sporting News

ข้ามนิกาย :เหตุใด 'โม จอห์นสตัน' เป็นนักเตะคาทอลิกคนแรก ของกลาสโกว เรนเจอร์ส image

หนึ่งในดาร์บี้แมทช์ที่เข้มข้นที่สุดของโลกฟุตบอล คือการปะทะกันระหว่างกลาสโกว เซลติค และกลาสโกว เรนเจอร์ส สองสโมสรฟุตบอลที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันแทบทุกความเชื่อ ทั้งศาสนา, การเมือง และเชื้อชาติ

ประเด็นทางศาสนาถือเป็นหนึ่งในความขัดแย้งหลักของทั้งสองสโมสร เพราะเรนเจอร์สที่ยืนอยู่ฝ่ายศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ จะไม่มีทางเซ็นสัญญานักฟุตบอลที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันขาด 

แต่ทุกอย่างก็มาเปลี่ยนไป เมื่อแกรม ซูเนสส์ ถูกตั้งเป็นผู้จัดการทีมของเรนเจอร์สในปี 1986 เขาเข้ามาในฐานะผู้เล่นควบตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังย้ายจากซามพ์โดเรีย 

แน่นอนว่าในการเริ่มต้น เขาถูกถามถึงเรื่องการเซ็นสัญญานักเตะ สิ่งที่ซูเนสส์ตอบคำถามกับสื่อก็คือ เขาจะไม่สนใจเรื่องของศาสนา เขาขอเลือกนักเตะตามความสามารถดีกว่า ไม่สนใจว่านักเตะคนนั้นจะมาจากไหน เชื้อชาติหรือศาสนาใดก็ตาม 

ก่อนที่อีก 3 ปีหลังจากนั้น ซูเนสส์ก็เซ็นสัญญา โม จอห์นสตัน จากสโมสรน็องต์ในฝรั่งเศส ซึ่งนำมาพร้อมกับปัญหามากมาย เนื่องจากโม จอห์นสตัน เป็นนักเตะที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่แหกกฎศักดิ์สิทธิ์อันยาวนานของเรนเจอร์ส

แม้สุดท้ายมันอาจพาความยากลำบากมากมายมาให้กับนักเตะ แต่สุดท้ายนี่คือกำแพงที่ต้องพังลงให้ได้ ว่าฟุตบอลเป็นเรื่องของฝีเท้า ไม่ใช่เรื่องของศาสนา 

Rangers Celtic archive

กำแพงศาสนา

ตั้งแต่ในช่วงปี 1920 ไม่มีนักเตะคนไหนที่เป็นคาทอลิกจะได้ร่วทีมเรนเจอร์ส ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกเขาไม่ขอดึงบุคลากรเข้ามาร่วมงานในสโมสรทุกตำแหน่งด้วยหากเป็นคาทอลิก หรือหากเป็นก็จะปกปิด ไม่มีการพูดถึงแต่อย่างใด 

เรื่องราวความวุ่นวายตรงนี้ เริ่มจากการทะเลาะกันของ เซลติกและเรนเจอร์ส ซึ่งในสนามพวกเขาแย่งความสำเร็จในการลุ้นแชมป์กันอย่างดุเดือด ส่วนนอกสนามสำหรับแฟนบอลทั้งสองฝ่าย พวกเขามีความเชื่อที่ต่างกันแบบสุดขั้ว 

ในประเด็นทางศาสนา ฝั่งเซลติกเป็นนับถือคริสต์นิกายคาทอลิกซึ่งได้อิทธิพลมาจากประเทศไอร์แลนด์ เนื่องจากแฟนเซลติกในยุคแรกเริ่มเป็นชาวสกอตแลนด์ที่อพยพมาจากไอร์แลนด์

ส่วนเรนเจอร์สเป็นโปรเตสแตนท์ ซึ่งเป็นนิกายดั้งเดิมที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่เกาะบริเตน นี่เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกสานต่อมาในวัฒนธรรมสโมสร รวมถึงความขัดแย้งต่างๆระหว่างกันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเรื่องราวนอกสนาม  

ซูเนสส์ถือเป็นคนที่ทำลายกำแพงทุกอย่างลงให้หมด เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีมโดยที่ไม่สนใจในเรื่องราวความวุ่นวายที่จะตามมา เขายอมแลกทุกอย่าง พังกฎทุกรูปแบบ หากจะทำให้ทีมดีขึ้น 

ทั้งการเซ็นสัญญา โม จอห์นสตันที่เป็นคาทอลิกเข้ามา, มาร์ค วอลเตอร์ ที่เป็นนักเตะผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หรือ อาวี โคเฮนที่เป็นนักเตะชาวยิวคนแรก 

โดยที่การทำลายกำแพงของซูเนสส์ถือเป็นอะไรที่คุ้มค่า เพราะสุดท้ายเรนเจอร์สกลับมาคว้าแชมป์ลีกสกอตติชเป็นครั้งแรก ในรอบ 9 ปี หยุดการรอคอยที่ยาวนานลงไปได้ 

เกมจิตวิทยา

สาเหตุที่ซูเนสส์ต้องพยายามดึง โม จอห์นสตัน เข้ามาในปี 1989 ก็เพราะว่าเขาเองต้องการที่จะต่อยอดทีมในการเล่นฟุตบอลยุโรปด้วย เพราะหากมองย้อนกลับไป จอห์นสตันเป็นนักเตะเก่าของเซลติก และได้ไปอยู่กับน็องต์ถึง 2 ปีด้วยกัน ก่อนที่จะแสดงท่าทีพร้อมกลับมาที่เซลติกอีกครั้ง 

Mo Johnstone, Rangers

ซูเนสส์มีความคิดที่จะดึงนักเตะที่เก่ง และยังเป็นนักจิตวิทยาที่ชอบทำลายคู่แข่งด้วย เขารู้ว่าหากเซ็นสัญญาจอห์นสตันเข้ามา เซลติกจะกระวนกระวายอย่างแน่นอน 

จอห์นสตันให้สัญญากับเซลติกในปี 1989 ว่าเขาจะกลับมาที่สโมสรเซลติก แต่ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาอะไรแต่อย่างใด โดยในฤดูกาล 1988/89 เซลติกจบอันดับที่ 3 โดยที่ห่างจากเรนเจอร์สทีมแชมป์ 10 แต้ม 

เมื่อจบฤดูกาลเซลติกประกาศว่า ได้เซ็นสัญญาจอห์นสตันกลับมาที่สโมสร ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของลีกสกอตแลนด์ที่ 1.2 ล้านปอนด์ ตัวของจอห์นสตันเองก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่เคยต้องการย้ายออกจากเซลติกเลยแม้แต่นิดเดียว รวมถึงเขาเองไม่สามารถอยู่กับสโมสรอื่นในสหราชอาณาจักรได้นอกจากเซลติก แต่เรื่องนั้นเหมือนว่าจะไม่ได้จบอย่างที่ใครหลายคนคิดเอาไว้

หลายสัปดาห์ต่อมาเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับการตัดสินใจของจอห์นสตันว่า เจ้าตัวเริ่มกลับมาคิดใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับการย้ายกลับไปที่เซลติก หลังเรนเจอร์สพยายามเข้ามาสนใจในดีลนี้ 

บิลลี่ แม็คนีล ผู้จัดการทีมของเซลติกในเวลานั้น รู้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาขอสโมสรว่าอย่าพึ่งจ่ายเงินส่วนที่เหลืออยู่อีก 8 แสนปอนด์ ให้กับนักเตะที่มีความคิดที่อยากจะไปที่อื่น แม้ว่าเงินราว 4 แสนปอนด์ ที่เป็นเงินมัดจำทางฝั่งเซลติกได้จ่ายไปแล้ว 

สุดท้ายบอร์ดบริหารไม่ขอจ่ายเงินส่วนที่เหลือ นั่นเลยทำให้สุดท้ายการย้ายทีมไม่เกิดขึ้นจริง    

แรงต่อต้าน และการพิสูจน์ตัวเอง

ยังมีคนส่วนน้อยมากๆ ที่จะเชื่อในข่าวลือที่ว่า โม จอห์นสตัน อดีตนักเตะเซลติก ที่เคยประกาศชัดว่า เขาไม่ขอเล่นให้กับทีมใดในสหราชอาณาจักรนอกจากเซลติก จะกลับมาที่ลีกลีกสกอตแลนด์ ด้วยการสวมเสื้อทีมเรนเจอร์สที่เป็นคู่อริโดยตรง 

Getty Images

เพราะหากทำแบบนั้นมีแต่พังกับพัง เขาจะต้องเจอกับแรงกดดันทั้งสองด้าน จากแฟนๆของเซลติกเพราะย้ายไปทีมคู่แข่ง มากกว่านั้นคือแฟนๆของเรนเจอร์สที่จงเกลียดจงชังนักเตะคาทอลิกเป็นอย่างมากตามที่เป็นมาตั้งแต่อดีต 

ในเวลาต่อมา มีการประกาศจัดแถลงข่าวขึ้นที่สโมสรเรนเจอร์ส แม้ว่าจะมีข่าวหลุดออกมาว่านี่คือการเปิดตัวโม จอห์นสตัน แต่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ 

เพราะในตอนนั้นมีชื่อของจอห์น เชอริแดน ที่มีข่าวจะย้ายมาอยู่กับเรนเจอร์สเช่นกัน ทำให้แฟนบอลมองว่าอาจเป็นการเปิดตัวนักเตะคนนี้มากกว่า 

แต่เมื่อสุดท้ายในวันนั้น คนที่เดินเข้าห้องแถลงข่าวคือโม จอห์นสตัน ทุกข่าวลือก็จบลง เหลือแต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้า ที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังเผยว่า มันจะเป็นเวลาที่ยากลำบากอย่างแน่นอน

โม จอห์นสตันไม่ได้คิดผิด เพราะการต่อต้านเกิดขึ้นทันที ตั้งแต่ตอนที่เขายังนั่งแถลงข่าวอยู่ เพราะบรรยากาศด้านนอกมีกลุ่มแฟนเรนเจอร์สชุมนุม พร้อมกับบอกว่าพวกเขาจะขอไม่สนับสนุนสโมสรนี้อีกต่อไป หลายคนหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นจริงกับการเซ็นสัญญานักเตะคาทอลิกเข้าร่วมทีม 

นั่นคือความวุ่นวายแค่ในช่วงแรกเท่านั้นที่จอห์นสตันต้องพบเจอ กับการต่อต้านจากแฟนๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางจะจบลงได้เลย กับความเกลียดชังของแฟนๆ ที่พร้อมจะขับไล่ให้นักฟุตบอลโรมันคาธอลิกแบบเขา ออกไปให้พ้นสโมสร

ความเกลียดชังจากแฟนๆเรนเจอร์สเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนต้องการเงินคืนจากตั๋วปีของโมสร, ฝ่ายที่จัดการเกี่ยวกับชุดแข่งไม่ยอมเตรียมชุดให้จอห์นสตันก่อนเกม 

หรือตามที่มีเรื่องเล่าจากในเมืองกลาสโกว์ว่า มีผับที่มีตารางลีกของเรนเจอร์สอยู่ในร้าน เลือกที่จะไม่บันทึกสถิติที่จอห์นสตันยิงประตูได้ 

ก่อนที่สุดท้ายทุกคนจะลืมเรื่องราวความเกลียดชังในตัวเขาไปได้บ้าง หลังทำประตูชัยช่วงทดเจ็บเหนือเซลติกทีมเก่าของเขา ไม่กี่เดือนหลังจากย้ายเข้ามาสวมเสื้อ

Getty Images

ทำลายกำแพง 

สำหรับโม จอห์นสตัน ตัวเขาเองยอมรับว่า ถ้าเขาก็อยากจะกลับไปที่เซลติก แต่เมื่อเงินจากเรนเจอร์สมาวางอยู่ตรงหน้า เขายอมรับความต้องการของตัวเอง และเลือกเดินมาทางนี้

โม จอห์นสตัน ไม่เคยเสียใจที่เขาเลือกเรนเจอร์ส แม้ต้องเจอความเกลียดชังมากมาย เขาไม่ปกปิดความจริงที่ว่าการย้ายมาที่เรนเจอร์สคือความคิดที่ถูกต้องที่สุด เมื่อสุดท้ายเขาได้แชมป์ลีก 2 ครั้ง ในรอบ 2 ปีกับสโมสร พร้อมกับยิง 31 ประตู จากการลงสนาม 76 นัด 

สุดท้ายผลงานของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า ฟุตบอลมันเหนือกว่าความเกลียดชังทุกอย่าง โม จอห์นสตัน สามารถเอาชนะใจแฟนเรนเจอร์สได้ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ก่อนจะต้องร่ำลากันไป เพราะฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ทำให้เอฟเวอร์ตันจ่ายเงิน 1.5 ล้านปอนด์ ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี 1991 ปิดช่วงเวลาของเขากับเรนเจอร์สไว้แค่ 2 ปีเท่านั้น

หากกลับไปที่กลาสโกว์ในทุกวันนี้ แน่นอนว่ายังมีคนที่จดจำเขาในฐานะคนทรยศจากฝั่งเซลติก หรืออาจยังมีแฟนเรนเจอร์สที่อาจยังไม่ชอบขี้หน้าเขา 

แต่ในอีกมุมหนึ่งของเรื่องราวนี้ โม จอห์นสตั้น กลายเป็นหนึ่งคนที่ทำลายกำแพงทางศาสนาลงไปได้ ในฐานะนักเตะคาทอลิกคนแรกของเรนเจอร์ส และแสดงให้เห็นว่า โลกฟุตบอลไม่มีอะไรจะมาปิดกั้นโอกาสได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง, สีผิว, เชื้อชาติ หรือศาสนา ตราบใดก็ตามที่คุณดีพอ คุณก็ดีพอเล่นให้กับทุกสโมสรบนโลกใบนี้

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.