สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลโลก นอกจากการได้ลุ้นชื่อเพลประกอบรายการและชื่อลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขัน ได้แก่ ชุดสะสมสติ๊กเกอร์ฟุตบอลโลกจากพานินี่
พานินี่ ผู้ผลิตสติ๊กเกอร์สะสมกีฬาประเภทต่างๆจากอิตาลี ได้รับลิขสิทธิ์จากทางฟีฟ่าในการผลิตสติ๊กเกอร์ฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1970
สะสมเท่าไหร่ถึงจะเต็มเล่ม
ในชุดสะสมฟุตบอลโลกครั้งนี้มีสติ๊กเกอร์ทั้งหมด 670 ใบ ซึ่งประกอบด้วยผู้เล่น, สัญลักษณ์ และชุดแข่งของ 32 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก รวมไปถึงสติ๊กเกอร์ชุดพิเศษที่มีความแวววาวต่างจากสติ๊กเกอร์ทั่วไป
จำหน่ายที่ไหน? ราคาเท่าไหร่บ้าง?
ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพานินี่ ระบุราคาสติ๊กเกอร์ชุด 50 ซอง (1 ซอง มีสติ๊กเกอร์ 5 ใบ) อยู่ที่ราคา 45 ปอนด์ หรือ 50 ยูโร (ประมาณ 1,900 บาท) ส่วนราคาสมุดสะสมแบบปกแข็งจะอยู่ที่ 8.5 ยูโร (ประมาณ 320 บาท) และสติ๊กเกอร์ 1 ซองมีราคาอยู่ที่ 90 เพนซ์ (ประมาณ 38 บาท)
สำหรับราคาในประเทศไทย จากการรายงานของ The CardZ ผู้จัดจำหน่ายสติ๊กเกอร์พานินี่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้ระบุราคาชุดสติ๊กเกอร์ 50 ซอง ไว้ที่ 1,900 บาท ส่วนราคาสมุดสะสมปกแข็งจำหน่ายที่ 700 บาท และราคาสติ๊กเกอร์ 1 ซองอยู่ที่ 40 บาท โดยเริ่มจัดจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคม
หมดงบเท่าไหร่ถึงจะเต็ม
ในทางทฤษฎี ต้องใช้เงินถึง 120.60 ปอนด์ (ประมาณ 5,000 บาท) สำหรับการจับสุ่มสติ๊กเกอร์เพียงครั้งเดียว ถึงจะครบทั้งหมด 670 ใบ
คีแรน โฮแกน นักวิเคราะห์ด้านการเงินฟุตบอลได้วิเคราะห์ว่า หากสะสมสติ๊กเกอร์ฟุตบอลโลกให้ครบ 670 ใบ ต้องใช้งบประมาณถึง 883.80 ปอนด์ (ประมาณ 37,000 บาท) ถึงจะประสบความสำเร็จ
หรือใครที่จะไม่อยากเสียเงินกับการลงทุนสะสมสติ๊กเกอร์ สามารถเล่นได้ที่ เว็บไซต์สะสมสติ๊กเกอร์ฟุตบอลโลก ที่ทางฟีฟ่ากับพานินี่ร่วมกันจัดทำขึ้น
ซ้ำหรือหาไม่เจอต้องทำอย่างไร
ทางพานินี่มีการจัดจำหน่ายสติ๊กเกอร์ที่ขาดหายไป โดยเริ่มที่ราคาใบละ 0.3 ยูโร (ประมาณ 11 บาท) โดยสั่งได้มากที่สุดครั้งละ 50 ใบ และสามารถสั่งซื้อมากสุด 5 ครั้ง หมายความว่า คุณสามารถสั่งซื้อได้มากสุดรวมกันถึง 250 ใบ เป็นเงิน 75 ยูโร (ประมาณ 2,800 บาท)
หากไม่ต้องการซื้อสติ๊กเกอร์ การแลกเปลี่ยนถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยสามารถแลกเปลี่ยนได้ผ่านทาง stickermanager,com หรือ laststicker.com
สำหรับในประเทศไทย จะมีจัดตลาดแลกเปลี่ยนสติ๊กเกอร์เป็นระยะ สามรถติดตามข้อมูลได้ที่ เฟสบุ๊คหรือเว็บไซต์ของ The CardZ
