“ความสามารถช่วยให้ชนะในแต่ละเกม แต่ทีมเวิร์คและความฉลาดช่วยให้เราเป็นแชมป์” นี่คือหนึ่งในวลีตำนานของ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับพระกาฬ ที่อธิบายว่า “ทีมเวิร์ค” มีความสำคัญแค่ไหนในวงการกีฬา
ซึ่งวิธีการสร้างทีมเวิร์คที่ดีเพื่อทำให้เหล่าผู้เล่นของแต่ละสโมสรหรือทีมชาติ มีความกลมเกลียวสามัคคีกัน ก็มีหลากหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารร่วมกัน หรือ รวมตัวไปพักผ่อนกันเป็นหมู่ขณะ
แต่สำหรับ ทีมชาติอังกฤษ พวกเขามีวิธีการที่ต่างออกไป เนื่องจากครั้งหนึ่งในปี 2017 แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้จับขุนพลสิงโตคำรามเข้าค่ายทหารฝึกซ้อมร่วมกับหน่วยราชนาวิกโยธินอังกฤษ เพื่อสร้างทีมเวิร์คให้กับทีมของเขา เรื่องราวในวันนั้นเป็นเช่นไรติดตามได้ที่นี่
กลยุทธ์สร้างทีมเวิร์คของเซาธ์เกต
ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายนปี 2017 ทีมชาติอังกฤษ ของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีคิวต้องลงสนามในโปรแกรมฟีฟ่า เดย์ ที่จะพบกับ ทีมชาติสก็อตแลนด์ ในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป และนัดกระชับมิตรกับ ทีมชาติฝรั่งเศส
ซึ่งหลังจากได้มีการประกาศรายชื่อออกไป บรรดาผู้เล่นที่มีชื่อติดทีมชาติก็ต่างเดินทางตบเท้าเข้า เซนต์ จอร์จ พาร์ค คอมเพล็กซ์ หรือแคมป์เก็บตัวของทัพสิงโตคำรามกันตามปกติ
อย่างไรก็ตาม การเข้าแคมป์เก็บตัวครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน ๆ เพราะไม่นานหลังจากนั้นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษก็ต้องเจอกับประสบการณ์ที่มิอาจลืมเลือน เมื่อทีมราชนาวิกโยธินได้บุกเข้าไปใน เซนต์ จอร์จ พาร์ค และบอกให้พวกเขาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าและขึ้นรถบัสไปฐานทัพของกองทัพที่ตั้งอยู่ในลิมป์สโตน
เหล่าผู้เล่นได้รับอนุญาตให้โทรศัพท์เพื่อบอกกับครอบครัวว่าพวกเขาจะขาดการติดต่อไปสักระยะ ก่อนที่หลังจากนั้น 23 พ่อค้าแข้งจะสลัดคราบนักฟุตบอลอาชีพ เพื่อสวมเครื่องแบบทหารเรือพร้อมกระเป๋าเป้หนัก 21 กิโลกรัม เพื่อลิ้มรสการฝึกซ้อมแบบฉบับหน่วยราชนาวีอังกฤษเป็นเวลา 48 ชั่วโมงเต็ม
“เราอยากจะลองให้พวกนักเตะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไป ได้เจออะไรที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน” แกเร็ธ เซาธ์เกต พูดถึงการเป้าหมายหลักของการเข้าแคมป์ครั้งนั้น
“เหล่านาวิกโยธินพูดกันถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และนั่นคือส่วนหนึ่งของการเก็บตัวครั้งนี้ ว่าพวกเราจะสามารถปรับตัวในช่วงเวลายากลำบากร่วมกันเป็นทีมได้มากน้อยแค่ไหน”
“สำหรับเรา ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการที่เราได้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ทั้งบรรดาสต๊าฟฟ์ที่คอยสนับสนุนและพวกนักเตะ ผมคิดว่ามันจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทุกคน และมันยังเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนอีกด้วย”
ซึ่งดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง แฮร์รี เคน ยังได้ออกมาการันตีว่าการเข้าค่ายกับราชนาวิกโยธินได้ประโยชน์อะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความสัมพันธ์ภายในทีม
“มันเป็น 2-3 วันที่วิเศษมาก ความทรงจำดี ๆ บางอย่างที่นั่นจะอยู่กับผมตลอดไป” แฮร์รี เคน กล่าว
“มันช่วยให้ทั้งทีมรู้จักกัน เราไม่มีโทรศัพท์เป็นเวลาหลายวัน พวกเราตั้งแคมป์กันในป่า มันช่วยให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น เราตั้งแคมป์โดยเรียนรู้ที่จะกางเต็นท์ของเราเอง และกินอาหารเหมือนกับพวกนาวิกโยธินที่กำลังทำทำสงคราม”
“เราตื่นนอนตอนพระอาทิตย์ขึ้นและเดินป่าโดยเอาของทั้งหมดไว้บนหลัง จากนั้นเราก็ผ่านอุปสรรคมากมาย มันสนุกดี แม้ผมคิดว่าพวกเขาจะละเว้นส่วนที่ยากเกินความจำเป็นออกไป เราต้องตามที่พวกเขาสั่ง เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตะโกนว่า 'หมอบ' เราก็ต้องคลานไปในโคลน”
“เราทุกคนเปียกโชกไปด้วยทรายและโคลนทั้งตัว และเราคิดว่าเราจะต้องขึ้นรถกลับไปที่ค่าย จนกระทั่งพวกเขาบอกเราว่าเรากำลังเดินกลับไปเซนต์ จอร์จ พาร์ค ซึ่งใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงบนถนน ซึ่งนั่นอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุด มันยากต่อสภาพจิตใจ”
นอกจากนี้ เคน ยังเชื่อว่าการได้รับหมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมชาติอย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะการเข้าค่ายในครั้งนั้น เพราะไม่นานหลังเดินทางกลับ เคน ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกในเกมพบกับ สกอตแลนด์
“ผมจำการเดินทางครั้งนั้นได้ชัดเจนมาก เรามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และผมคิดว่า เซาธ์เกต ใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อดูว่าใครโดดเด่นในแง่ของความเป็นผู้นำ”
“การเป็นผู้นำที่ดีมีได้หลายทาง ไม่ใช่แค่คนที่อยู่แนวหน้าในการยิงเพนท์บอล บางทีอาจเป็นวิธีที่ผมปฏิบัติกับนาวิกโยธินและวิธีที่ผมจัดการกับสถานการณ์บางอย่าง”
“ผมรู้ว่า เซาธ์เกต ถามนาวิกโยธินบางคนในภายหลังว่าพวกเขาคิดว่าใครเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ใครเข้าถึงได้ และใครที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ โน้มน้าวให้พูดคุยด้วย อะไรทำนองนั้น ผมคิดว่านั่นอาจช่วยให้ผมได้เป็นกัปตัน”
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand
