การเปลี่ยนแปลงของเชลซีเกิดขึ้นในช่วงยังไม่ถึงกลางฤดูกาล การปลดโธมัส ทูเคิ่ล ยังถูกแฟนบอลเชลซีส่วนใหญ่ตั้งคำถาม เพราะนี่คือชายที่พาทีมไปคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร แถมพากวาดอีกหลายต่อหลายแชมป์
แน่นอนว่า มีอดีตผู้จัดการทีมเชลซีก่อนหน้าทูเคิ่ลเพียงหยิบมือ ที่พูดได้เต็มปากว่าทำได้ดีกว่าชายคนนี้ แต่เมื่อปัญหามันมีทั้งในสนาม และหลังบ้าน ผ่านการที่ทูเคิ่ลทะเลาะกับ ท็อดด์ โบห์ลี เจ้าของทีมคนใหม่ การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมจึงต้องเกิดขึ้น
การเข้ามาของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ ถูกตั้งคำถามว่าเขาดีพอหรือเปล่า กับการมาจากทีมเล็ก ๆ อย่างไบร์ทตันฯ ความกดดันของ พ็อตเตอร์ เข้ามาตั้งแต่เกมนัดแรก เพราะว่านี่คือการแข่งขันในรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่เขาไม่เคยคุมมาก่อนในชีวิต และยังต้องคุมเกมแรกต่อหน้าแฟนบอลเชลซีใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั่นทำให้เขาต้องทำให้เกมแรกของเขาประทับใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
พ็อตเตอร์เลือกใช้รูปแบบการยืนคล้ายเดิมกับของทูเคิ่ล ซึ่งก็เหมือนกับที่เขาทำกับไบรท์ตัน นั่นคือการยืนด้วยกองหลัง 3 คนในแผน 3-5-2 โดยในสิ่งที่เปลี่ยนไปคือการเล่นเกมบุกอย่างเป็นธรรมชาติอย่างผิดหูผิดตา ต่างจากยุคทูเคิ่ลที่เกมรุกไร้ประสิทธิภาพจนกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกตลอดช่วงปีที่ผ่านมา โดยแค่ในครึ่งแรกพวกเขาก็บุกหนักใส่เรดบูล ซัลซ์บวร์ก จนได้โอกาสยิงมากถึง 9 ครั้ง ที่ยังต้องแก้ไขคือการเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายเพื่อหาโอกาสส่งบอลให้เข้าประตู เพราะทั้ง 9 ครั้งก็ยังไม่ตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อจบครึ่งแรก
เชลซีสามารถครองเกมไว้ได้แทบทั้งหมด จนเริ่มครึ่งหลังพวกเขาได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือประตูขึ้นนำจากราฮีม สเตอร์ลิง ที่มีโอกาสยิงตรงกรอบครั้งแรกก็ใส่สกอร์เลยในทันที โดยที่เชลซียังคงบุกต่อเนื่องหลังจากนั้น
แน่นอนว่าการเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นชัดเจนคือนักเตะทุกคนเริ่มใหม่จากศูนย์ทั้งนั้น พวกเขาลงไปเล่นเพื่อหาโอกาสกับเจ้านายใหม่ และหวังว่าจะสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ ทัศนคติของนักเตะเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การเล่นของเชลซีน่าสนใจในเกมนัดแรกที่พ็อตเตอร์คุมทีม
ก่อนที่ความผิดพลาดไม่กี่ครั้งส่งผลให้พวกเขาเสียประตูในทันที ติอาโก้ ซิลวา สกัดบอลไม่ขาดจนแนวรุกซัลซ์บวร์กหลุดเข้าไปทำประตูได้ในช่วงเข้าสู่ 15 นาทีสุดท้ายของเกม ทำให้จะแก้ไขอะไรก็ยากในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก
ข้อดีในตอนนี้คือเชลซีมีเกมรุกที่ดุดันมากขึ้น โดยที่ต้องการพัฒนาอีกเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าสร้างโอกาสทองให้กับแนวรุกบ่อยๆก็น่าจะไปได้ด้วยดี กลับกันเมื่อสร้างเกมรุกมากขนาดนั้น ปัญหาในเกมรับก็มีเมื่อต้องดันกองหลังสูงขึ้น พวกเขาก็ละเลยในเกมป้องกันจนเกือบโดนน็อคไปหลายครั้ง ซึ่งก็ต้องไปแก้ไขกันต่อไป
หลังจากจบเกม แกรห์ม พ็อตเตอร์ ยอมรับว่าเขาผิดหวังกับผลการแข่งขันที่จบลงเพียงแค่ผลเสมอเท่านั้น แต่ก็เชื่อว่าเหล่านักเตะเชลซีทำเต็มที่แล้ว สิ่งสำคัญคือเกมรุกที่เชลซีพัฒนาขึ้นมามากกว่าเดิมแม้พลาดไปในจังหวะสุดท้ายก็ตาม
ในตอนนี้เราพึ่งเห็นแค่เกมแรกเท่านั้นสำหรับเชลซีในยุคของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ คงยังตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งหมด ถ้าเขาสามารถที่จะลงรายละเอียดพัฒนารูปแบบการเล่นเพื่อยกระดับทีมของเขาได้มากกว่านี้ ทั้งในเกมรับที่มีช่วงเวลาที่ดีในยุคทูเคิ่ล รวมถึงการพัฒนาเกมรุกในช่วงเวลาของเขา เราสามารถมองอนาคตของเชลซีว่าจะได้ไปในทางที่ดีแน่นอน แต่ในตอนนี้ยังไม่มีอะไรสามารถการันตีเรื่องนี้ได้
