บรู๊คลิน เน็ตส์ ความยับเยินระดับประวัติศาสตร์ที่โยงไปถึงเวลา 4 ปีที่อาจสูญเปล่าของทีม

Nawapon Kiatpisan

บรู๊คลิน เน็ตส์ ความยับเยินระดับประวัติศาสตร์ที่โยงไปถึงเวลา 4 ปีที่อาจสูญเปล่าของทีม image

ทั้งการออกสตาร์ทที่ผิดหวัง ปัญหาภายในทีมที่เยอะและส่งผลต่อภาพลัลกษณ์องค์กร ประกอบกับความน่าอับอายที่โดยคู่แข่งถล่มด้วยสกอร์ 153 คะแนน ในเกมที่พวกเขาแพ้ ซาคราเมนโต คิงส์ นี่คือช่วงเวลาแห่งความอัปยศของ บรู๊คลิน เน็ตส์ แบบไม่ต้องสงสัย

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย

 

 

153 แต้ม ความเลวร้ายที่ไม่น่าให้อภัย

การถูก ซาคราเมนโต คิงส์ สกอร์ใส่ 153 คะแนน กลายเป็นเกมที่เลวร้ายสุดของพวกเขาในชื่อทีม บรู๊คลิน เน็ตส์ และ หากนับเฉพาะเกมที่ไม่มีการแข่งขันในช่วงต่อเวลา นี่คือการเสียแต้มเยอะที่สุดนับตั้งแต่การก่อตั้งทีมขึ้นมาทีเดียว

หนเดียวที่ทีมโดนฝ่ายตรงข้ามทำสกอร์มากกว่านี้ ต้องย้อนกลับไปปี 2006 คราวนั้นพวกเขาแพ้ ในช่วงต่อเวลา 2 หน ให้กับ ฟีนิกซ์ ซันส์ 157 - 161 คะแนน 

ส่วนอีกเกม พวกเขาเคยแพ้ในช่วงต่อเวลาให้กับ โกลเด้นสเตท วอร์ริเออร์ส เมื่อปี 1992 ด้วยสกอร์ 148-153 แต้ม … แต่ครั้งล่าสุดกับ คิงส์ มันคือการตัดสินกันด้วยเกม 48 นาทีเท่านั้น

น่าแปลกใจมากที่ ชาค วอห์น ซึ่งเข้ามาคุมทีมช่วง 6 เกมแรก พวกเขาเสียเแต้มเฉลี่ยแค่ 94 คะแนน แต่พอ 2 เกมหลังสุด ผลงานของทีมร่วงลงเหว เกมรับเปื่อยมาก โดยสกอร์ใส่ 134.5 แต้ม และปล่อยคู่แข่งยิงลงห่วง 54.3%

ตัวเลข (153 แต้ม) อาจเป็นเรื่องที่ช่วยสร้างความรู้สึกร่วมได้เร็ว แต่ลึก ๆ นี่คือสิ่งที่สะท้อนปัญหาของเน็ตส์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับการที่มีฟอร์มการเล่นขึ้น ๆ ลง ๆ แบบสุดโต่งขนาดนี้

kevin-durant-brooklyn-nets
NBA Getty Images / The Sporting News

เกมรับ คือ ดัชนีชี้วัดเคมีในทีมชั้นดี

เกมรุกอาจทำให้คนดูตื่นเต้น การประสานงานด้วยทักษะหรือพรสวรรค์อาจทำให้แฟน ๆ ต่างคิดว่านี่คือ เคมี ที่เข้ากัน แต่สำหรับการเล่นกีฬาประเภททีมสิ่งที่ช่วยบ่งบอกความสัมพันธ์ และ ความเข้ากันภายในทีมได้ดีจริง ๆ คือ เกมรับ เสียมากกว่า

เกมรับ คือ การลงมือทำในสิ่งที่ไม่โดดเด่นมากนัก หลายครั้งคุณต้องทุ่มเทกับจังหวะที่ไม่ได้ออกไฮไลท์ หรือ จะถูกถ่ายรูปเพื่อลงสื่อต่าง ๆ แม้กระทั่งผู้เล่นภายในทีมเดียวบางทียังลืมชื่นชมคนที่ตั้งใจเล่นและยอมเสียแรงไปกับเกมป้องกันเลย แต่นี่แหละ เคมีของทีมที่ดี วัดกันที่จุดนี้ พวกเขามีบุคลากรที่พร้อมทำในสิ่งที่เสียสละตัวเอง เพื่อภาพรวมของทีมหรือไม่ 

เข้าใจว่า เน็ตส์ ชุดนี้ ไม่ได้มี ไครี เออร์วิง ลงสนาม และ เบน ซิมมอนส์ ก็เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องส่งสตาร์ประจำทีมลงสนามพร้อมกัน แต่มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้กับทีม ๆ นี้ไปแล้วว่า พวกงานไม่ได้หน้า อย่าเปลืองแรง

ส่วนหนึ่งต้องชม คิงส์ ที่เล่นเกมบุกได้ร้อนแรงมาก แต่บาสระดับอาชีพ กับทีมระดับ เน็ตส์ ซึ่งเสีย 153 แต้ม มันไม่ใช่แค่แผนเกมรับไม่ดี หรือ โค้ชไม่สามารถแก้เกมได้ ลึก ๆ แล้วผมเชื่อว่า สภาพจิตใจ และ สิ่งที่ผู้เล่นในทีมถูกหล่อหลอมมา มันมีส่วนอย่างมากกับการถูกสกอร์ใส่มหาศาล ขนาดนี้ 

สำหรับเรื่องนี้ถ้าใครที่เคยลงแข่งขันบาสเกตบอล หรือ เคยเล่นกีฬาประเภททีมจะเข้าใจ

สภาพของเน็ตส์เกมนี้ ถ้าเปรียบกับฟุตบอล เหมือนการแพ้ 2-7 หรือ 3-8 ประตู ผมเชื่อว่าถ้าให้เทียบกับอีกทีมที่แพ้สัก 0-3 หรือ 1-4 คุณจะค้นพบว่าปัญหาของทีมแพ้ ใน 2 กรณีนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง

Kevin Durant, Kyrie Irving (Brooklyn Nets)
Getty Images

4 ปีที่สูญเปล่าของการสร้างซูเปอร์ทีม

จากความเห็นของ ชาร์ลส์ บาร์คลี่ย์ ตำนานผู้เล่นชื่อดังซึ่งทำหน้าที่เป็นนักจัดรายการและวิเคราะห์เกมการแข่งขัน นั้นน่าสนใจมาก เมื่อเขาบอกเลยว่า ถ้า เน็ตส์ ยังเป็นแบบนี้ นี่คือการสร้างทีม 4 ปี ที่เสียเวลาเปล่า

และนี่คือคำที่ บาร์คลี่ย์ กล่าวไว้่ “มันน่าทึ่งมากสำหรับผมเกี่ยวกับบาสเกตบอล ทีมนี้อยู่ด้วยกันมา 4 ปีแล้ว และเมื่อย้อนกลับไป 4 ปีก่อน เหมือนกับว่าทีมนี้ควรจะได้แชมป์สัก 2 สมัย แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้เลย และมันเกือบจะจบลง ผมหมายถึง สิ้นปีนี้มันถึงเวลาที่จะต้องทำการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ้งใหญ่ ในเมื่อคุณมีผู้เล่นและองค์ประกอบทีมที่ดีก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่นี่คือเวลา 4 ปีที่สูญเปล่าสำหรับพวกเขาจริง ๆ”

ไม่มีส่วนไหนที่ บาร์คลีย์ กล่าวผิดไปจากความจริง เมื่อเรามองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างซูเปอร์ทีม พวกเขาได้ ไครี เออร์วิง, เควิน ดูแรนท์ (พักยาวในปีแรก) และ ตามมาด้วย เจมส์ ฮาร์เด้น แต่สิ่งสำคัญอีกส่วน คือ ตัวประกอบในทีมที่ไม่ได้แย่เลย อย่างไรก็ดี เน็ตส์ กลับทำได้ดีที่สุดด้วยการทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศชิงแชมป์สายตะวันออกเมื่อปี 2021 ซึ่งพวกเขาแพ้ บัคส์ ใน 7 เกม 

ก่อนที่ฤดูกาลล่าสุด จะถูกกวาดซีรี่ส์ โดย บอสตัน เซลติกส์ และ การออกสตาร์ทแบบกระท่อนกระแท่น มันพอทำให้เราคาดเดาได้ว่า พวกเขาถอยหลังลงคลองมากกว่าการก้าวไปข้างหน้า

แถมบรรยากาศภายในทีมยังเต็มไปด้วยมรสุม ไครี สร้างปัญหาที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ จนทีมไม่กล้าจ้างโค้ชฝีมือดีอย่าง อิเม อูโดก้า เพราะกลัวว่าแบรนด์ทีมจะยิ่งดูติดลบหนัก ตามด้วยฟอร์มของ เบน ซิมมอนส์ ที่ถูกมองเป็นตัวตลก และในภาพใหญ่คือ ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของทีม ที่ชนะให้ดีใจเล่น ๆ สักพัก ก็พร้อมแพ้ในระดับที่น่าอับอายขายขี้หน้า

เส้นทางของซีซั่นนี้ยังอีกยาว ถ้าหากเคลียร์ปัญหาภายในทีมได้ เราอาจจะเห็นทีมเน็ตส์ ที่ลงเล่นด้วยการโฟกัสกับคุณภาพเกมในสนามมากขึ้น ขณะที่ทีมบริหารอาจต้องรีบตัดสินใจว่าจะกล้ายกเครื่องทีมบางส่วนหรือไม่ เช่นการเทรด ไครี เออร์วิง แล้วหาตัวผู้เล่นที่พอจะช่วยแก้ไขจุดอ่อนในเกมรับ และ พอจะเป็นพระรองให้กับ ดูแรนท์ ได้ โดยไม่ต้องเอาระดับสตาร์ดังจนคุมไม่อยู่มาร่วมทีม

แต่ถ้าท้ายสุดพวกเขาทำได้แค่ดิ้นรนเข้าเพลย์ออฟ แล้วจอดป้ายรอบแรก หรือ พลิกล็อคด้วยการหลุดจากช่วงโพสต์ซีซั่นไปเลย สถานการณ์ของทีมคงไม่ต่างจากที่ บาร์คลี่ย์ กล่าว

พวกเขา เสียเวลา 4 ปี ไปเฉย ๆ ไม่พอ ยังเสียอนาคต (สิทธิ์ดราฟท์และผู้เล่นดาวรุ่ง) ที่เอาไปแลกเหล่าสตาร์ดังมาร่วมทีมอีกต่างหาก

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover