ย้อนกลับไปปี 2016 แอลเอ เลเกอร์ส ใช้สิทธิ์ดราฟท์ลำดับที่ 32 ของพวกเขาเลือกเด็กหนุ่มชาวโครเอเชีย ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้จักเจ้าของส่วนสูง 7 ฟุต รายนี้ และจากการเป็นตัวเลือกในรอบ 2 ทำให้เขาไม่ได้รับการจับตามองจากแฟน ๆ หรือ สื่อวงการบาสเกตบอลเท่าไหร่นัก
ผ่านไป 6 ปีเต็มใน NBA ปรากฏว่า ชื่อของ อิวิก้า ซูบาค กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น เขาพัฒนาตัวเองจนเป็นผู้เล่นตัวหลักของยอดทีมแห่งเมืองลอสแองเจลลิส เพียงแต่ นั่นไม่ใช่ เลเกอร์ส แต่เป็น คลิปเปอร์ส ที่กำลังมีผลงานลุ้นแชมป์ในฤดูกาล 2022-23 เพราะพวกเขาได้ทั้ง คาไว เลียวนาร์ด และ พอล จอร์จ 2 สตาร์คนเก่งกลับมาสู่ทีมแล้ว
เรื่องราวของเด็กหนุ่มจากเมืองเล็ก ๆ ในแถบชายแดนตะวันออกของโครเอเชีย กับ การเข้ามาตามล่าฝันที่มีเส้นทางยาวไกล เป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย
ฝันเล็ก ๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้น
ซูบาค เกิดและเติบโตในเมือง ชิคลุค ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า แต่เขามีเลือดของชาวโครเอเชียอยู่ 100% เขาเริ่มฝึกซ้อมบาสเกตบอลแบบจริงจังตั้งแต่ 7 ขวบ โดยร่างกายที่สูงใหญ่และพัฒนาการทำให้บ่อยครั้งเขาต้องลงเล่นหรือแข่งขันร่วมกับผู้เล่นในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี
สมัยเด็ก ๆ แค่การติดทีมแล้วได้ลงแข่งต่อหน้าแฟนบาสสัก 1,000 คน ก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักกีฬาระดับท้องถิ่นคนหนึ่งแล้ว
“ผมเริ่มเล่นบาสเกตบอลในโรงยิมของ ชิตลุค ซึ่งมีคนดูราว ๆ 1,000 คน ความฝันเดียวของผมคือการได้ลงเล่นต่อหน้าผู้คนเหล่านั้นภายใต้เสื้อทีม บรอตน์โจ ชุดใหญ่”
พออายุ 13 ปี เขาได้รับเชิญจากทีม คิโบนา สโมสรชั้นนำของประเทศที่เห็นถึงพรสวรรค์และความร้ายของเด็กที่สามารถทำระดับ 30-40 แต้มต่อเกมให้กับทีม Brotnjo แต่ ซู ก็ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากกับมาตรฐานเกมการแข่งขันที่สูงขึ้น
“ผมได้โอกาสร่วมแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ที่ฮังการี และ โชว์ผลงานได้ไม่ดีเลย ผมทำได้แค่ 2 คะแนนจากการลงเล่น 5 เกม ซึ่งทำให้คิดว่าทุกอย่างคงจบแล้วแหละ แต่ผิดคาดทีมยังให้โอกาสผมไปร่วมแข่งขันในรายการอื่น ๆ ต่อ ผมเริ่มเล่นได้ดีขึ้น และพวกเขาบอกให้ผมย้ายไปเรียน ม.ปลาย ในประเทศโครเอเชีย” ซูบาค ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2017 เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการเล่นบาสในระดับสูงตอนอยู่ระดับชั้นมัธยม
แม้จะถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานไป 1 ปีเต็มช่วงอายุ 16 ปี เขาก็ยังไม่หมดหวัง และแม้จะต้องกระเด็นไปเล่นให้กับทีมเวลิก้า ในฐานะผู้เล่นยืมตัว แต่ด้วยผลงานที่ดีทำให้ต้นสังกัดอย่าง ซิโบน่า เรียกตัวเขากลับสู่ทีม อย่างไรก็ตามก็ตามจุดเปลี่ยนสำคัญของเขาคือการลงเล่นในทัวร์นาเม้นต์ระดับโลก
“ปกติผมจะเป็นเซ็นเตอร์สำรองในชุด ยู-19 ของโครเอเชีย แต่ตัวจริงบาดเจ็บ ผมก็เลยได้โอกาสแทนและผมโชว์ได้ดีมาก ผมน่าจะเป็นตัวทำแต้มอันดับ 2 หรือ 3 ของรายการนั้น และนั่นจุดประกายให้ผมคิดว่า จริง ๆ ผม สามารถไป NBA ได้ในสักวันหนึ่ง”
วันเวลาผ่านไปจนถึงงานดราฟท์ปี 2016 ชื่อของเขาก็ถูกประกาศขึ้นภายใต้ความน่ายินดี ที่อาจปนความเสียดายมาหน่อย ๆ … เพราะอะไรกัน ?
ฝันลำเอียง ทางเบี่ยงนิด ๆ
“ผมดูไฮไลท์ของเขาทุกเกม และ สะสมการ์ดทั้งหมดของเขา” ซูบาค กล่าวถึงความคลั่งไคล้ในตัว โคบี้ ไบรอันท์ ตำนานยอดการ์ดของทีมเลเกอร์ส ที่คว้าแชมป์ไปทั้งหมด 5 สมัย “โคบี้ คือผู้เล่นที่ทำให้ผมติดตาม NBA แม้ผมจะไม่ได้เล่นตำแหน่งนั้น แต่เขาคือไอดอลของผม ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาและบาสเกตบอลคือสิ่งที่ผมชอบมาก ๆ ทุกสิ่งที่เขาแสดงออกมา ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม”
ซูบาค เกิดปี 1997 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ โคบี้ ลงเล่น NBA ในฐานะรุกกี้ซีซั่นด้วย และกว่า ซู จะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น โคบี้ ก็คว้าแหวนแชมป์ไปแล้ว 5 วง ซึ่งนอกเหนือจากฝีมือขั้นเทพและความสำเร็จที่สร้างไว้ อีกสิ่งที่ทำให้ ซูบาค ชื่นชอบโคบี้คือ การกัดฟันสู้กับอาการบาดเจ็บและกลับมาช่วยทีมในยามคับขันได้เสมอ
เชื่อเลยว่า วินาที ที่เขาได้รับเลือกจากทีมเลเกอร์ส ก็คงรู้สึกตื้นตันใจกับการเข้าใกล้ฝันไปอีกก้าว แถมยังได้สวมเสื้อทีมเดียวกับไอดอลในวัยเด็ก แต่โชคร้ายเล็ก ๆ คือ โคบี้ ประกาศรีไรท์ไปก่อนหน้าที่เขาจะถูกเลือกเข้าทีมเพียง 2 เดือน
แต่เรื่องน่าผิดหวังเล็ก ๆ นี้ ไม่สามารถหยุดเป้าหมายสำคัญของ ซูบาค ได้ เขาอุตส่าห์ตามฝันมาไกลกว่า 5,312 ไมลส์ … สิ่งสำคัญ ณ เวลานี้ เขาไม่ใช่คนที่จะต้องมองหาแรงบันดาลใจ แต่เขากำลังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักบาสรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในแถบยุโรปและในประเทศโครเอเชียอีกหลายคน
แม้ ซูบาค จะมีเกมที่น่าาตื่นตาตื่นใจ แต่เลเกอร์ส ยุคนั้นเป็นการรื้อสร้างทีมใหม่ พวกเขามีผลงานแพ้มากกว่าชนะ ในหลาย ๆ ฤดูกาล เช่นเดียว บิ๊กซู ที่มองว่า ยังไงความก้าวของทีมต้องมาก่อนด้วย
“สถิติไม่มีความหมายกับผม การได้ 25 แต้ม แต่ทีมแพ้ยับ 30 คะแนน ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ถ้าผมทำแค่ 5 คะแนน แล้วทีมชนะสัก 25 แต้มสิ ผมจะโอเค” คำให้สัมภาษณหลังเกมของซูบาค ที่เขาทำสถิติ 25 แต้ม 11 รีบาวด์ ซึ่งขณะนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 19 ปี เท่านั้น
ฟอร์มของ ซูบาค ดูจะขึ้น ๆ ลง ๆ แถมมีอาการบาดเจ็บเข้ามาคอยขัดจังหวะ ทำให้เขาต้องสลับบทบาทไปเรื่อยระหว่างการลงเล่นกับทีมเลเกอร์ส การหล่นไปเล่นใน เซาธ์ เบย์ เลเกอร์ส ทีมระดับจีลีก และ การนั่งดูเพื่อนเฉย ๆ เพราะร่างกายไม่สมบูรณ์
เมื่อดาวรุ่งขาดความต่อเนื่องในการลงสนาม และ ทีมยังต้องการสร้างขุมกำลังขึ้นมาใหม่ ทำให้เวลาของ ซูบาค กับ ทีมเลเกอร์ส ต้องจบลง
ลอสแองเจลลิส เปลี่ยนสี
2 ฤดูกาลครึ่งกับการแย่งชิงบทบาทตำแหน่งเซ็นเตอร์ที่ดูไม่คืบหน้า ทำให้ท้ายสุด เลเกอร์ส จัดการส่ง ซูบาค ให้กับ คลิปเปอร์ส ทีมร่วมเมืองเพื่อขอแลกตัวกับ ไมค์ มัสคาลา
เชื่อเหลือเกินว่า ณ เวลานั้น อาจไม่ได้มีใครรู้สึกเสีย ซูบาค มากนัก เพราะผลงานของเขายังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน (ซึ่ง เลเกอร์ส ก็มีปัญหาเรื่องตัววงในมาตลอด 2-3 ปีนั้น) แถมทีมยังตื่นเต้นกับการสร้างขุมกำลังหน้าใหม่ ที่มาจากการสะสมผู้เล่นดราฟท์สูง ๆ ในช่วงตกต่่ำตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมามากกว่า ไหนจะความฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญาคว้า เลบรอน เจมส์ มาร่วมทีม ในปี 2018-2019
แต่เชื่อว่า หากคุณได้ติดตามฟอร์มการเล่นของ ซูบาค มาจนถึงฤดูกาลล่าสุดนี้ ก็อาจจะรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่อดเห็นนักบาสชาวโครเอเชีย ลงเล่นเคียงข้างกับ เจมส์ และ แอนโธนี่ เดวิส เพราะสไตล์และทักษะของ ซู คือสิ่งที่ เลเกอร์ส หาจากผู้เล่นวงในคนไหนไม่ได้เลยตลอด 3-4 ปีหลัง
เพราะนับตั้งแต่ ซูบาค ย้ายไปร่วมทีม คลิปเปอร์ส เขาก็โชว์ผลงานที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้เวลาลงเล่นที่อาจไม่มากนัก แต่เมื่อลงสนามเขาจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งการป้องกันวงใน รีบาวด์ และมีเรื่องการทำคะแนนสอดแทรกขึ้นมาบ้าง
โดยรวมแล้ว ซูบาค ไม่ใช่เซ็นเตอร์ระดับออลสตาร์ เขาอาจมีตัวเลขบางเกมที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากมองภาพใหญ่ วิธีการเล่นและศักยภาพของเขาจะคล้าย ๆ กับ สตีเวน อดัมส์ ของ เมมฟิส กริซลีส์ คือ รับหน้าที่ดูแลงานอื่น ๆ ที่พวกตัวสตาร์ไม่ค่อยทำกัน
แต่จะหาใครทำแทน หรือ ทำได้ดีเท่า ซูบาค ใช่ว่าจะหาเจอง่าย ๆ แถมเขายังเล่นเข้ากับระบบของ ไทรอน ลู ไปแล้วด้วย ซึ่งก็ต้องยกเครดิตวิธีเลือกใช้งานให้อดีตโค้ช คาวาเลียร์ส รายนี้ (ในขณะที่ เลเกอร์ส ใช้ไม่เป็น แล้วเลือกให้โอกาส ทิโมฟี่ย์ มอสกอฟ หรือ บรูค โลเปซ มากกว่าการปั้นของที่ตัวเองเลือกมา)
แม้ว่า ซูบาค จะไม่มีโอกาสร่วมลงเล่นกับ โคบี้ ไบรอันท์ , แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับทีมที่เขารักและเคารพเสมอมาอีกต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการคว้าแชมป์สมัยแรกร่วมกับทีมคลิปเปอร์ส คือเป้าหมายที่ท้าทายและยิ่งใหญ่ในขั้นต่อไปของเขา
รักและเคารพก็ส่วนหนึ่ง แต่ความสำเร็จในฐานะผู้เล่นมืออาชีพ ก็เป็นอีกสิ่งที่เขาสามารถพยายามทำให้สำเร็จ เหมือนสิ่งที่ โคบี้ ไบรอันท์ เคยทำมาตลอดทั้งอาชีพนักบาสเกตบอลของเขา